“ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก..ดำเนินชีวิตด้วยความพอเพียง ตามศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่ 9” เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่ “อุไร ทองปาน” ครูบัญชีอาสาดีเด่น จังหวัดนครศรีธรรมราช บอกว่า ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติมากว่า 20 ปี เพื่อสร้างชีวิตที่มีความสุขบนพื้นฐานของความพอเพียง
ก่อนที่จะพลิกชีวิตมาทำการเกษตรเต็มตัวเหมือนในปัจจุบัน ครูอุไรเริ่มต้นชีวิตการทำงานเหมือนคนในเมืองหลวงทั่วไป เป็นพนักงานประจำในบริษัทเอกชน ถึงแม้จะมีรายได้สูงแต่รายจ่ายต่างๆก็สูงตาม ทำให้ไม่เหลือเงินเก็บออมจึงตัดสินใจหันหลังให้ชีวิตในเมือง กลับมาทำการเกษตรกับสามีที่บ้านเกิดใน จ.นครศรีธรรมราช โดยทำบ่อกุ้งและเลี้ยงสัตว์ แต่ก็ประสบปัญหาขาดทุน เพราะใช้ต้นทุนสูงและยังไม่รู้หลักในการบริหารจัดการ กระทั่งน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางดำเนินชีวิต ประกอบกับได้รับการอบรมสอนแนะการจดบันทึกบัญชีในครัวเรือน และบัญชีต้นทุนอาชีพจากสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์นครศรีธรรมราช ทำให้วางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีระบบ รู้จักคำนวณต้นทุน กำไร โดยวิเคราะห์จากการทำบัญชีและนำมาปรับเปลี่ยนการผลิตทำการเกษตรแบบผสมผสาน ทั้งการทำนา ปลูกข้าวพันธุ์ไรซ์เบอร์รี่ การปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งในสวนปาล์มได้แบ่งพื้นที่เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมูหลุม ซึ่งกินผลปาล์มน้ำมันเป็นอาหารได้ รวมถึงกินหอยเชอรี่ซึ่งเป็นศัตรูของต้นข้าวและกินข้าวเปลือกที่หลงเหลืออยู่ในนาข้าวหลังเก็บเกี่ยวข้าว ทำให้ไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าอาหารสัตว์ นอกจากนั้น ยังปลูกไม้ไผ่ด้วยมูลเป็ด มูลไก่ มูลหมู เป็นปุ๋ยให้ต้นปาล์ม ต้นไผ่ ลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ การทำปุ๋ย ทำน้ำหมัก ไว้ในครัวเรือนและชุมชน เพื่อลดต้นทุน อีกทั้งปลูกพืชผัก สมุนไพรต่างๆ ใช้ประกอบอาหารในครัวเรือนแทนการใช้เงินซื้อ ซึ่งผลผลลิตที่เหลือ ยังนำไปขายสร้างรายได้ให้ครัวเรือนได้ นอกจากนี้ ยังคิดแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ทำไข่เค็มจากการเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง เลี้ยงปลานิล แปรรูปเป็นปลาเส้นจำหน่าย การเลี้ยงปูนา แปรรูปเป็นปูเค็มจำหน่าย การทำหน่อไม้ดอง พริกขี้หนูแห้ง ซึ่งขายเป็นสินค้าสร้างรายได้อีกทาง
จากการดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีหัวใจสำคัญคือ “การทำบัญชี” มีการจดบันทึกรายรับ รายจ่ายแต่ละวัน และนำข้อมูลจากการจดบันทึกบัญชีมาวิเคราะห์วางแผน ทำให้ รู้ความเป็นไปในครอบครัวได้แท้จริง สามารถหาปัจจัยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตได้ โดยนำทุนธรรมชาติที่มีอยู่ในพื้นที่มาต่อยอดในเกิดประโยชน์ได้เป็นรูปธรรม วางแผนสร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ และวางแผนลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน จากความสำเร็จนี้ จึงได้รับคัดเลือกให้เป็นอาสาสมัครเกษตรด้านบัญชี (ครูบัญชี) ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เมื่อปี 2556 และต่อยอดความรู้การทำบัญชีไปให้คนในชุมชน ใช้เทคนิคการสอนคือ ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป แนะนำเรื่องการหารายรับ การใช้จ่ายเงิน การประหยัดอดออม และสอดแทรกการจดบันทึกบัญชีไปตามกิจกรรมการดำเนินชีวิตของแต่ละครัวเรือน ทำให้ชาวบ้านเข้าใจและเห็นประโยชน์ของการทำบัญชีได้ด้วยตัวเอง กระทั่งพัฒนาเป็น“ชุมชนคนรักการทำบัญชี”หมู่ที่ 6 บ้านหว้าใหญ่ ต.ไสหมาก อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช อีกทั้งครูอุไรยังพัฒนาพื้นที่ในบ้านให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ ปัจจุบันคือ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ต.ไสหมาก อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งครูอุไรจะเป็นวิทยากรสอนแนะการทำการเกษตร รวมถึงการจดบันทึกบัญชีรับจ่ายในครัวเรือนและบัญชีต้นทุนอาชีพให้แก่เกษตรกรและผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงาน
“การทำบัญชีเป็นหัวใจหลัก ถ้าเราจดทุกครั้งเราจะรู้กำไร ขาดทุน จะรู้ว่าควรปลูกอะไรมากน้อยแค่ไหน ทำอะไรจะประสบความสำเร็จ จะได้กำไรทุกเรื่อง เราก็ถ่ายทอดองค์ความรู้การทำบัญชีที่เราทำจนประสบความสำเร็จให้เกษตรกรที่เข้ามาศูนย์เรียนรู้ฯ ยกตัวอย่าง เช่น ทำนาข้าว ลงทุนเท่าไหร่ ขายได้เท่าไหร่ กำไรเท่าไหร่ เปรียบเทียบทุกครั้งจะได้รู้ ว่าควรลดหรือเพิ่มอะไรบ้าง จากการทำบัญชีต่อเนื่อง ทุกวันนี้ แต่ละวันเราแทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย เพราะในศูนย์เรียนรู้ฯ เรามีกินทุกอย่าง เหลือจากกินก็นำมาขาย สร้างรายได้ ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 ทำให้เราประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง”ครูอุไร กล่าว
เป็นอีกหนึ่งแบบอย่างของครูบัญชีที่ปรับเปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิต โดยยึดตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง น้อมนำศาสตร์พระราชาด้านบัญชี มาเป็นกลไกเข้าถึงแก่นแท้ของความพอเพียง สร้างความเข้มแข็งและความมั่นคงให้ตนเองและคนในชุมชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี