2 เม.ย. 62 เวลา 14.00 น. ที่ห้อประชุมชั้น 12 สำนักงานศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก นายบุญชู ทัศนประพันธ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า สำนักงานการบังคับคดี สำนักงานอัยการสูงสุดร่วมกับศาลอาญา ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการบังคับโทษปรับและการบังคับคดีผู้ประกันกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาลในคดีอาญา เป็นการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทั้งสองฝ่ายในการดำเนินการบังคับโทษปรับและการบังคับคดีผู้ประกันกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาลอาญาเพื่อให้การปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงานทั้งสองฝ่ายเกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพและเพื่อประโยชน์ในการบังคับคดีสนับสนุนการทำหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานรวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้และความเชี่ยวชาญในการป้องกันการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน และสามารถรวบรวมทรัพย์สินของผู้ต้องโทษปรับหรือผู้ประกันในคดีอาญามาชำระค่าปรับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งต่อศาลได้ตลอดจนป้องกันการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินในรูปแบบดิจิทัลรวมทั้งทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการบังคับใช้และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานทั้งสองฝ่ายอันจะทำให้รัฐได้รับประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินต่อไป
สำหรับการบังคับคดีในส่วนนี้มีเรื่องที่ค้างในศาลอาญาประมาณ 3,000 เรื่อง มูลค่าประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งการทำบันทึกข้อตกลงจะช่วยให้สามารถติดตามเงินกับมาให้กับรัฐได้ ซึ่งปีที่ผ่านมามีการดำเนินการสามารถนำเงินเข้ารัฐได้กว่า 100 ล้านบาท
ด้านนายชาตรี สุวรรณิน อธิบดีอัยการ สำนักงานการบังคับคดี กล่าวว่า พนักงานอัยการและเจ้าพนักงานศาลที่ได้รับแต่งตั้งต่างฝ่ายต่างมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการบังคับคดีการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญอันจะส่งผลให้การปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงานทั้งสองฝ่ายเกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับนโยบายการบริหารงานของอัยการสูงสุดด้านการพัฒนาองค์กรอัยการในการนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้มีความรวดเร็วถูกต้องสามารถรองรับการให้บริการแก่ประชาชนตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลและสอดคล้องกับนโยบายของประธานศาลฎีกาและแผนยุทธศาสตร์ศาลยุติธรรมพ.ศ. 2560-2564 ป้องกันการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินในรูปแบบดิจิทัลพัฒนาบุคลากรให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลเพื่อการไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ตลอดจนทำให้เกิดประโยชน์ในการบังคับคดีการพัฒนางานด้านการบังคับคดีการรักษาผลประโยชน์ของรัฐรวมทั้งเป็นเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในการบังคับใช้กฎหมายอีกด้วย
การบังคับโทษปรับและการบังคับคดีผู้ประกันในคดีอาญาถือเป็นอำนาจหน้าที่สำคัญประการหนึ่งของพนักงานอัยการสำนักงานการบังคับคดีสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการรักษาผลประโยชน์ของรัฐมีความสำคัญในการดำเนินการเกี่ยวกับการบังคับคดีกับผู้ต้องโทษปรับและผู้ประกันในคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29/1 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 119 มีอำนาจในการตรวจสอบสถานะและทรัพย์สินโดยคำสั่งของพนักงานอัยการในการให้ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินถือเป็นคำบังคับของพนักงานอัยการตามประมวลกฎหมายอาญาทั้งนี้ตามที่พระราชบัญญัติองค์การอัยการและพนักงานอัยการพ.ศ. 2553 มาตรา 16 มาตรา 18 และมาตรา 23 กำหนดไว้ผู้ฝ่าฝืนอาจได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 168 หรือมาตรา 168 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับไม่เกินห้าพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับโดยจำนวนเงินที่สำนักงานการบังคับคดีสามารถบังคับได้ ณ วันที่ 31 มี.ค. 2562 ในส่วนของการบังคับโทษปรับสามารถบังคับคดีได้รับเงินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 75,596,731 บาท
และการบังคับคดีผู้ประกันในคดีอาญาสามารถบังคับคดีได้รับเงินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 86,061,124.21 บาทเช่นการบังคับคดีโทษปรับในคดีระหว่างพนักงานอัยการโจทก์ บริษัท อีซี่เน็ตเวิร์ค จำกัด ที่ 1 กับพวกรวม 2 คนจำเลยสำนักงานการบังคับคดีสามารถอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 ได้รับเงินจำนวนประมาณ 91 ล้านบาทและนำส่งเงินค่าปรับต่อศาลอาญาแล้วเป็นเงินจำนวน 41,510,702.96 บาท การบรรลุข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้คาดว่าน่าจะส่งผลให้สามารถบังคับคดีได้รับเงินเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี