สัปดาห์ที่แล้ว ได้นำเสนอมาตรการด้านกฎหมาย ของการจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด คือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส กันไปแล้ว รอแต่ว่าจะมีประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกมาเมื่อใด นับไปอีก 180 วัน จะมีผลบังคับใช้ทันที
ยังเหลือมาตรการด้านอื่นๆ อีก 5 มาตรการ ที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายเห็นชอบแล้ว วันนี้มาว่ากันอีก 1 มาตรการ คือ มาตรการฝึกอบรม
มาตรการฝึกอบรม เป็นมาตรการที่ดูธรรมดาแต่ในทางปฏิบัติคงโกลาหลน่าดู เพราะกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องผ่านการอบรมมีหลากหลาย และต้องดำเนินการอบรมให้เสร็จทุกกลุ่มเป้าหมายภายในเดือนมิถุนายน 2562 (ยกเว้น เกษตรกรซึ่งมีจำนวนมากจะอบรมระหว่าง มิถุนายน-กันยายน 2562) นี่ก็เข้าเดือนเมษายนแล้ว ยังมีวันหยุดยาวเนื่องในเทศกาลสงกรานต์อีก กว่าจะชี้แจงทำ
ความเข้าใจในมาตรการต่างๆ แก่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่อีก อะไรอีก อย่างเร็วที่สุดถ้าเริ่มได้ในเดือนพฤษภาคม ระยะเวลา 2 เดือน หรืออาจจะไม่ถึงดี อบรมได้หมดก็เยี่ยมยุทธ์เลยทีเดียว
การอบรม จะเริ่มต้นจากการจัดทำหลักสูตร หลักสูตรที่จะอบรมกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มก็แตกต่างกันไป เช่น หลักสูตรสำหรับอบรมเกษตรกรและผู้รับจ้างพ่นสาร ก็ต้องเน้นให้มีความรู้เกี่ยวกับอันตรายจากการใช้สารเคมีที่ไม่ถูกต้องจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมอย่างไร ความรู้เกี่ยวกับมาตรการจำกัดการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด และความรู้เกี่ยวกับการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
สำหรับเกษตรกรนอกจากจะเข้ารับการอบรมแล้ว จะต้องผ่านการทดสอบเพื่อให้ได้หลักฐานรับรองว่าผ่านการฝึกอบรม หรือเป็นผู้มีความรู้เกี่ยวกับการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดนั้นแล้ว จะได้นำไปเป็นหลักฐานในการขอซื้อสารเคมีทั้ง 3 ชนิด มาใช้ได้ต่อไป
จากข้อมูลที่ระบุในภาพชี้แจงมาตรการจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด ของกรมวิชาการเกษตร ระบุว่า วิธีการอบรมของเกษตรกรทำได้ 2 วิธี คือเข้ารับการอบรม และทดสอบ หรือ เรียนรู้ผ่าน E Learning และทดสอบความรู้ นั่นหมายถึงว่า เกษตรกรไม่จำเป็นต้องเข้ารับการอบรม แต่สามารถหาความรู้จากระบบ E Learning ได้ และถ้าผ่านการทดสอบ ก็ได้รับการรับรองว่าผ่านการทดสอบแล้วเช่นกัน
สำหรับวิธีการฝึกอบรมผู้รับจ้างพ่น ต้องเข้ารับการอบรม และต้องผ่านการทดสอบทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ จึงจะได้รับการรับรองว่าผ่านการทดสอบ นำไปเป็นหลักฐานในการรับจ้างพ่นสารเคมี 3 ชนิดนี้ต่อไปได้
ส่วนหลักสูตรสำหรับพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งตั้งขึ้นมาใหม่ คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งบางคนอาจจะไม่เคยเกี่ยวข้องกับการทำการเกษตรมาก่อนเลย หลักสูตรนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรการการจำกัดการใช้ และบทบาทหน้าที่และความสำคัญของพนักงานเจ้าหน้าที่
วิธีการฝึกอบรม พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเข้ารับการอบรม และทดสอบความรู้ นี่แหละน่าเป็นห่วง ในการให้ความร่วมมือมาฝึกอบรม และทดสอบ การเสียสละ และการทำหน้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบที่กฎหมายกำหนด
ผู้จัดทำหลักสูตร คือ กรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นผู้เสนอมาตรการ แต่ผู้ที่ทำหน้าที่อบรมจำเป็นต้องอาศัยหน่วยงานอื่น โดยการสร้างวิทยากร
กรมวิชาการเกษตรจะสร้างวิทยากรที่เรียกว่า “วิทยากรครู ก” ซึ่งอาจจะเป็นนักวิชาการเกษตรของหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกรมวิชาการเกษตรเอง โดยการอบรมให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีทั้ง 3 ชนิด เพื่อให้วิทยากรครู ก ไปทำการอบรม ผู้รับจ้างพ่นสารเคมี พนักงานเจ้าหน้าที่ และวิทยากรอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เรียกว่า “วิทยากรครู ข” โดยจะต้องสร้างวิทยากรครู ข ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2562 นี้
“วิทยากรครู ข” ได้มาจากไหน “วิทยากรครู ข” ได้มาจาก กรมส่งเสริมการเกษตร การยางแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับพืชที่ระบุให้ใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดนี้ได้ เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด ยางพารา และไม้ผล
ส่วนแต่ละหน่วยงานจะส่งใครไปฝึกอบรมเป็น วิทยากรครู ข ก็แล้วแต่ อาจจะเป็นเกษตรตำบล หรือเป็นเกษตรกรอาสา หรือเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการพบปะกับเกษตรกรก็ว่ากันไป เพราะวิทยากรครู ข นี้จะต้องไปอบรมเกษตรกร
ไม่รู้ว่ามาตรการฝึกอบรมนี้ต้องใช้งบประมาณจำนวนเท่าไร มีผู้เกี่ยวข้อง คือ เกษตรกรที่จำเป็นต้องใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดนั้น และต้องผ่านการฝึกอบรมจำนวนเท่าไร มีผู้ที่มีอาชีพรับจ้างพ่นสารเคมีอีกกี่คน และการฝึกอบรมนี้จะเสร็จทันเวลาสำหรับฤดูการเพาะปลูกปีนี้หรือไม่ ที่สำคัญคือ จะรู้ได้อย่างไรว่าเกษตรกรซื้อสารเคมีชนิดนั้นๆ ไปพอแล้วถ้าเกษตรกรไม่ได้ซื้อในร้านเดียวกัน
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี