'สาวลาว'เจ้าของร้านนวดฟ้องแพ่ง  เรียกค่าเสียหายกว่า6ล้านสถานศัลยกรรมชื่อดัง

'สาวลาว'เจ้าของร้านนวดฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหายกว่า6ล้านสถานศัลยกรรมชื่อดัง

วันพุธ ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2562, 17.38 น.

"สาวลาวเจ้าของร้านนวดเยอรมัน" สุดทนฟ้องเรียกกว่า 6 ล้าน หลังหลงเชื่อโฆษณาสถานพยาบาลดังทาวน์อินทาวน์ ร่วมพวกโฆษณาดึงหน้าเด็ก ศาลนัดพร้อม 1 ก.ค.นี้ ทนาย ระบุยังมีเหยื่ออีกหลายราย รอรวมข้อมูลฟ้องแบบกลุ่ม

17 เม.ย. 62 อเวลา 13.00 น. ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก  น.ส.คำหล้า อินดาวงศ์ อายุ 45 ปี ชาว สปป.ลาว เจ้าของร้านนวดที่ประเทศเยอรมัน ผู้เสียหายจากการทำศัลยกรรมใบหน้าให้เด็กลง  พร้อมกับทนายความ มายื่นฟ้อง ผู้จัดทำโฆษณาโครงการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า , เจ้าของบัญชีรับโอนเงิน , สถานพยาบาลให้บริการเฉพาะทางด้านเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่งย่านทาวน์อินทาวน์ และศัลยแพทย์ เป็นจำเลย ต่อแผนกคดีผู้บริโภค ในความผิดเรื่องละเมิด เรียกค่าสินไหมทดแทน 6,885,000 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคพ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2559 


กรณีสืบเนื่องจาก โจทก์ได้ดูโฆษณาผ่าน YouTube และเว็บไซต์ของจำเลยที่ 1 ที่เรียกตัวเองว่าด็อกเตอร์ แสดงให้เห็นถึงโครงการผ่าตัดศัลยกรรม เมื่อเดือน ต.ค.60 แล้วหลงเชื่อคำโฆษณาที่ว่าผ่าตัดดึงหน้า ไร้รอยแผลเป็น ไม่เจ็บ หน้าจะเด็กอายุลง 44 ปีจะเหลือ 20 ปี โดยโจทก์ให้ญาติได้ติดต่อกับจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ใช่แพทย์ แต่ขณะนั้นโจทก์เข้าใจว่าเป็นแพทย์ เพราะจำเลยที่ 1 เรียกตัวเองว่าด็อกเตอร์ ที่ได้ติดต่อกันผ่านทางไลน์เพื่อจองคิวเข้าร่วมโครงการ โดยมีการโอนเงินค่าจองคิวเข้าร่วมโครงการจำนวน 50,000 บาทเข้าบัญชีธนาคารของจำเลยที่ 2 และเมื่อพบกับจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 60 ก็ได้จ่ายเงินในส่วนของโจทก์จำนวน 245,000 บาทให้ไป กับจ่ายในส่วนของเพื่อนอีก 2 คน รวม 90,000 บาท ขณะที่เมื่อไปสถานพยาบาลก่อนการผ่าตัดศัลยแพทย์ จำเลยที่ 4 และเจ้าหน้าที่กลับแจ้งว่าจะดึงหน้าเพียง 3 จุดเท่านั้น ซึ่งเดิมตกลงกับจำเลยที่ 1 ว่าจะดึงหน้า 3 จุดกับดึงหนังที่ห้อยบริเวณคางและคอ ค่าผ่าตัดรวม 295,000 บาท แต่เมื่อโจทก์แจ้งว่าจะไม่เข้ารับการผ่าตัดแบ้วเพราะไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ สถานพยาบาลศัลยกรรมไม่ยอมคืนเงินและพูดจาไม่ดีใส่โจทก์ โจทก์จึงต้องจำยอมนำเงิน 90,000 บาท ส่วนที่จ่ายให้กับเพื่อน 2 คน มาจ่ายเป็นค่าศัลยกรรมแทน เป็นเงินรวม 385,000 บาท โจทย์ยังต้องจำยอมถ่ายคลิปโฆษณาชื่อว่า "สาวเวียงจันทร์ ย้อนวัยสาว บอกลาริ้วรอย" โดยเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.60 จำเลยที่ 4 ได้ออกใบรับรองแพทย์ให้โจทก์เดินทางกลับประเทศเยอรมันได้ แต่หลังจากผ่าตัดปรากฏว่า ได้เกิดรอยแผลนูน เจ็บแสบคันและร้อน ,  เป็นเชื้อราบนหนังศีรษะ , วิงเวียนศีรษะบ่อย ตาพร่ามัว

ซึ่งปัจจุบันโจทก์หน้าตาเสียหาย อับอายผู้คน ทำงานแบบไม่มีความสุขต้องใช้ผมปิดบาดแผล เรื่องนั้นโจทก์จึงได้นำคดีมาฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำละเมิด และค่าเดินทางดำเนินคดี , ค่าเสียอิสรภาพและโดนบังคับให้ถ่ายคลิปเพื่อนำไปใช้และโฆษณาเท็จหลอกลวงผู้เสียหายอื่น , ค่าขาดรายได้ในชีวิตประจำวันในการประกอบธุรกิจที่ประเทศเยอรมัน รวมเป็นเงิน 6,885,000 บาท

และโจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้ง 4 จ่ายค่าเสียหายเพื่อเป็นการลงโทษเพิ่มขึ้นจากจำนวนค่าเสียหายที่แท้จริงที่ศาลกำหนดให้อัตราขั้นสูงสุดตามกฎหมายด้วยเนื่องจากการกระทำของจำเลยทั้ง 4 นั้นเป็นการประกอบธุรกิจแสวงหากำไรผ่านการกระทำโดยเจตนาอย่างร้ายโฆษณาเท็จหลอกลวงโจทก์และประชาชนเอาเปรียบผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรม จงใจให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย

ศาลแพ่ง ประทับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ ผบ.1570/2562 และกำหนดนัดพร้อมคู่ความวันที่ 1 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น.

ขณะที่ "นางคำหล้า อินดาวงศ์ " อายุ 45 ปีผู้เสียหายจากการศัลยกรรมดึงใบหน้า กล่าวว่า เห็นโฆษณาการทำศัลยกรรมดึงใบหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัยผ่านทาง facebook และ YouTube จึงตัดสินใจเดินทางมาประเทศไทยเพื่อทำการผ่าตัดดึงใบหน้า โดยก่อนหน้านั้นมีการติดต่อผ่านทาง Line โดยวางเงินจองคิวเป็นค่ามัดจำจำนวน 50,000 บาท หลังการผ่าตัดปรากฏว่าเกิดแผลเป็นในลักษณะเป็นคีลอยด์ที่ขมับซ้ายและขวายาวขึ้นไปบนศีรษะประมาณ 7 ซม. และแผลเป็นลักษณะเป็นคีลอยด์จากการผ่าตัดที่ด้านหลังหูทั้งซ้ายและขวายาวข้างละ 6 ซม. ซึ่งไม่ตรงกับข้อความที่โฆษณา เพราะในโฆษณามีการระบุว่าไร้รอยแผลเป็น ด้วยความที่เป็นชาวต่างชาติจึงไม่รู้ว่าจะต้องร้องเรียนใครทั้งๆที่เจ็บใจแล้วก็เจ็บตัวและต้องสูญเสียเงินจากการผ่าตัดดึงหน้า เป็นเงิน 385,000 บาทกลับไม่ได้ผลตามที่ต้องการ ก่อนจะปรึกษากับทนายความตัดสินใจฟ้องร้องเป็นคดีผู้บริโภค

ด้าน "นายภิญโญภัทร์ ชิดตะวัน" ทนายความ กล่าวว่า ปัญหาการศัลยกรรมขณะนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในกลุ่มผู้เสียหายชาวไทย แต่มีชาวต่างชาติได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน ในฐานะทนายความคนไทยก็พร้อมที่จะช่วยเหลือและกู้ศักดิ์ศรีของคำว่าแพทย์คืนมา หลายคดีเกี่ยวกับศัลยกรรมเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 แต่ยังมีการให้บริการศัลยกรรมเรื่อยมาโดยตลอด ปัจจุบันยังมีการโฆษณาที่เป็นเท็จหลอกลวงอยู่ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับหน่วยงานของรัฐอาจจะมีการรับเรื่องหรือดำเนินการอยู่ แต่ขณะที่ผู้เสียหายไม่สามารถรอได้หรือจะต้องให้เกิดคดีเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ปัญหาอยู่ที่ว่าจะหาทางช่วยเหลือผู้เสียหายเหล่านี้ได้อย่างไร ขณะนี้ยังมีผู้เสียหายทยอยเข้ามาเรียกร้องขอความช่วยเหลือทางคดีเรื่อย ๆ ตนเรียกร้องให้ สคบ. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) รวมถึงแพทยสภา เข้ามาดูแลผู้เสียหาย 

สำหรับคดีนี้ ได้ยื่นฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคและจะมีการยื่นฟ้องเพิ่มอีก โดยจะขอให้ศาลพิจารณาคดีแบบกลุ่มต่อไป สำหรับผู้เสียหายรายอื่นสามารถติดต่อตนได้ที่ 087-553-2415
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top