6 วันสงกรานต์ สังเวยคาถนน 348 ศพ บาดเจ็บทะลุ 3 พันคน คสช.ยึดรถ 6,435 คัน มี 5 จังหวัดไร้ผู้เสียชีวิต ด้าน“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ไม่พอใจแม้จะมีคนเสียชีวิตน้อยกว่าปีที่แล้ว ย้ำทุกคนคือกำลังสำคัญของชาติที่ต้องถนอมรักษาเอาไว้ เล็งปรับมาตรการ ขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ
ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เมื่อวันที่ 17 เมษายน นายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2562โดยกล่าวว่าสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ 6 ของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร”เกิดอุบัติเหตุ 367 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 42 ราย ผู้บาดเจ็บ 381 คน
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 30.25 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 27.79 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 78.84 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 64.03 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 43.05 บนถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 33.51 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01– 20.00 น. ร้อยละ 25.89 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 31.21
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,040 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,375 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 1,048,847 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 239,295 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 64,829 ราย ไม่มีใบขับขี่ 57,087 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (19 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ และระยอง (จังหวัดละ 4 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (26 คน)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 6 วัน (11 – 16 เม.ย. 62) เกิดอุบัติเหตุ 3,068 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 348 ราย ผู้บาดเจ็บ 3,176 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 5 จังหวัด ได้แก่ ตรัง พังงา แม่ฮ่องสอน สุโขทัย และอ่างทอง ส่วนจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (119 ครั้ง) และจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา และอุดรธานี(จังหวัดละ15 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (126 คน)
วันเดียวกัน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. เปิดเผยว่า ภาพรวมการเดินทางกลับเข้า กทม.หลังเทศกาล ประชาชนใช้เส้นทางได้ค่อนข้างสะดวก จราจรติดขัดน้อยลงกว่าเทศกาลที่ผ่านมา เนื่องจากเจ้าหน้าที่วางรูปแบบการอำนวยจราจรและปฏิบัติงานร่วมกันไว้ทุกส่วน
สำหรับมาตรการ“ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ”พบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับขี่ในวันที่ 16 เมษายน 2562 มีดังนี้ รถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 38,993 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถไว้ 845 คัน และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 27,395 คน
รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 32,503 ครั้ง ยึดใบอนุญาตขับขี่ไว้ 2,038 ใบ ยึดรถยนต์ 272 คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 18,360 คน
โดยตลอด 6 วันที่ผ่านมา (11 – 16 เมษายน 2562) เจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำความผิดในส่วนรถจักรยานยนต์ 177,134 ครั้ง รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ 146,017 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับไว้ 6,435 คัน (รถจักรยานยนต์ 4,752 คัน และรถยนต์ 1,683 คัน ) และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด รถจักรยานยนต์ 131,674 คน รถโดยสารสาธารณะ/ รถยนต์ส่วนบุคล 91,499 คน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ต่างให้สัมภาษณ์สอดคล้องกันคือยังไม่พอใจ เกี่ยวกับสถิติอุบัติเหตุวันสงกรานต์ แม้จะลดลงมากกว่าปีที่แล้วก็ตาม
โดยพล.อ.ประยุทธ์ระบุ หลังประชุมครม.ว่าตราบใดที่ยังมีบาดเจ็บ สูญเสียชีวิต แน่นอนไม่มีใครพอใจอยู่แล้ว เพราะทุกคนคือกำลังสำคัญของประเทศเรา แต่เราได้พยายามทำทุกมาตรฐานอยู่แล้วและต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ
ขณะที่ พล.อ.ประวิตรระบุว่าในเมื่อยังมีคนตาย จึงถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ มีคนเสียชีวิตคนเดียว ก็ไม่ได้ ส่วนปีต่อไปจะปรับมาตรการอย่างไรนั้น เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้สถานการดีขึ้น เมื่อถามถึงมาตรการเพิ่มโทษ ผู้ตั้งใจกระทำความผิด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เมื่อศาลไม่รับ คงต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาวิธีการต่อไป.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี