ยอดดับ386ศพ
7วันอันตรายสงกรานต์
ปิดฉาก 7 วันอันตราย สังเวย 386 ศพ บาดเจ็บกว่า 3 พันคน “ศปถ.”ชี้ลดลงกว่าปี’61 “กระบี่-พังงา-สุโขทัย-อ่างทอง’ตายเป็นศูนย์ ขณะที่‘อุดร-ลพบุรี’แชมป์ตาย คสช.ขอบคุณทุกภาคส่วน ร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ เผยยึดรถดื่มแล้วขับ7,282คัน
เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์2562 โดยกล่าวว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนน ประจำวันที่ 17 เมษายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” เกิดอุบัติเหตุ 273ครั้ง ผู้เสียชีวิต 30ราย ผู้บาดเจ็บ 277คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ38.10 และตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 26.74 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.15 รถปิกอัพ 7.42 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ72.89 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ46.15 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 25.64 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 08.01-12.00 น. และ 12.01-16.00 น. มีค่าเท่ากันร้อยละ 23.81
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,039 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,454 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 981,987 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 210,883 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 55,805 ราย ไม่มีใบขับขี่ 48,183 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี (จังหวัดละ 10 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ลพบุรี (4 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (11 คน)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 7 วัน (11–17 เมษายน 62) เกิดอุบัติเหตุ 3,338 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 386 ราย ผู้บาดเจ็บ 3,442 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 4 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ พังงา สุโขทัย และอ่างทอง จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช (จังหวัดละ 128 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ลพบุรี และอุดรธานี (จังหวัดละ 15 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (136 คน) สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 36.61 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 28.31 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.25 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 66.15 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 39.48 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 35.98 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01–20.00 น. ร้อยละ 29.09
รมช.มหาดไทย กล่าวถึงภาพรวมจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บถือว่า ลดลงจากปีที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงร้อยละ 7.66 รวมถึงสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับลดลงถึงร้อยละ 3.67 ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากความร่วมมือของผู้ใช้รถใช้ถนน การบังคับใช้กฎหมายเพื่อกวดขันวินัยจราจรอย่างจริงจังของเจ้าหน้าที่ รวมถึงการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายสุธี กล่าวว่า จากการรวบรวมสถิติอุบัติเหตุช่วง 7วันรณรงค์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตยังคงเกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน(ศปถ.) จึงได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นอย่างร้ายแรง อาทิ การดื่มแล้วขับ การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด การขับย้อนศร นอกจากนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวิเคราะห์ข้อมูลและถอดบทเรียนการดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อนำมากำหนดแนวทางการสร้างความปลอดภัยทางถนนในระยะยาวอย่างยั่งยืนทั้งช่วงปกติและเทศกาลสำคัญ
“ศปถ.ขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน เครือข่ายอาสาสมัคร กลุ่มจิตอาสา และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยในการเดินทางแก่ประชาชน” รมช.มหาดไทย กล่าว
ทางด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 7 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันดูแลประชาชน ทั้งในเรื่องการสัญจร มาตรการป้องกันและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ จัดระบบอำนวยความสะดวกในสถานที่ท่องเที่ยว การดูแลภาพรวมในการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ตามชุมชนเมืองใหญ่ รวมทั้งการตั้งจุดบริการประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งการดำเนินงานทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
“คสช.และรัฐบาลขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกส่วนและจิตอาสาที่ทุ่มเทปฏิบัติงานตลอดช่วงวันหยุดยาว และขอขอบคุณประชาชนผู้ใช้เส้นทางที่ร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ทำให้ภาพรวมในปีนี้ ประชาชนสามารถใช้เส้นทางได้อย่างคล่องตัว และร่วมกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์อย่างมีความสุข จึงขอให้ช่วยกันรักษาวินัยจราจร เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยในทุกโอกาสทุกเทศกาลด้วย” รองโฆษก คสช. กล่าว
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวด้วยว่า สำหรับในวันที่ 17 เมษายนซึ่งเป็นวันสุดท้าย ตามมาตรการลดอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัย “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” มีสถิติดังนี้ รถจักรยานยนต์ พบการกระทำผิด 38,844 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถไว้ 532 คัน และส่งดำเนินคดี 23,259 คน สำหรับรถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 26,860 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบอนุญาตขับขี่ไว้ 2,942 ราย ยึดรถยนต์ 246 คัน ส่งดำเนินคดี 18,043 คน
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถิติตามมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ในภาพรวม 7 วัน ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2562 พบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับจำนวน 388,854 ครั้ง (แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 215,973 ครั้ง รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ 172,881 ครั้ง) ซึ่งสถิติลดลงจากปี 2561 คิดเป็นร้อยละ 20 (ผู้กระทำผิดในห้วงสงกรานต์ปี 2561 จำนวน 490,512 ครั้ง) การยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับจำนวน 7,282 คัน (แยกเป็นจักรยานยนต์ 5,297 คัน และรถยนต์ 1,985 คัน) ซึ่งสถิติลดลงจากปี 2561 คิดเป็นร้อยละ 55 (มาตรการดื่มไม่ขับห้วงสงกรานต์ 2561 ยึดรถรวม 16,288 คัน) การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในปีนี้ มีทั้งหมด 271,657 คน แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 164,928 คน รถโดยสารสาธารณะ-รถยนต์ส่วนบุคล 116,729 คน ซึ่งสถิติลดลงจากปี 2561 คิดเป็นร้อยละ 12 (มาตรการดื่มไม่ขับห้วงสงกรานต์ 2561 ดำเนินคดี 310,299 คน)
“มาตรการดื่มไม่ขับ จับยึดรถ เป็นมาตรการที่ช่วยป้องกันและลดความสูญเสียอันเกิดจากอุบัติเหตุที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ซึ่ง คสช.และรัฐบาล ได้ดำรงความต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยประชาชนให้การตอบรับมาตรการนี้เป็นอย่างดี เพราะทำให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทางของทุกคน รวมทั้งประชาชนได้มีข้อเสนอแนะ ให้เพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิด และการยืดระยะเวลาการเก็บรักษารถเอาไว้ รวมถึงอยากให้มีการบังคับใช้มาตราการนี้ในทุกวัน เพื่อการป้องกันอุบัติเหตุจากการดื่มสุราแล้วขับรถในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสรุปบทเรียนและผลการปฏิบัติงาน นำไปบูรณาการแผนการป้องกันอุบัติเหตุ การจราจร มาตรการบังคับใช้กฎหมาย ในการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและลดสูญเสียจากอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลให้ได้มากที่สุด” พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี