จากสถานการณ์การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรมีการแพร่ระบาดขยายเป็นวงกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในหลายภูมิภาคทั่วโลกนั้น สำหรับในประเทศไทย ได้รับการยืนยันจาก นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ว่า กรมปศุสัตว์ได้เข้มงวดจับกุมการลักลอบเคลื่อนย้ายสุกร ซากสุกร และผลิตภัณฑ์สุกรที่นักท่องเที่ยวนำมาบริโภคอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนความคืบหน้าการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) นั้น ประเทศไทยไม่มีการแพร่ระบาดของโรคนี้ และย้ำว่า ASF เป็นโรคที่เกิดเฉพาะในสุกรเท่านั้น ไม่ติดต่อหรือเป็นอันตรายต่อคนหรือสัตว์อื่น ผู้บริโภคสามารถรับประทานหมูได้อย่างปลอดภัย 100% ขณะเดียวกัน ทุกภาคส่วนยังคงเดินหน้าคุมเข้มเรื่องการป้องกันโรคอย่าง เต็มกำลัง ล่าสุด ได้ประชุมหารือร่วมกับองค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และผู้บริหารระดับสูงของกรมปศุสัตว์จาก 5 ประเทศ ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม (CLMV) และไทย เพื่อยกระดับแนวทางมาตรการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกัน และกำจัดโรค ASF ระหว่างประเทศ รวมทั้ง ไม่ให้โรค ASF สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรในภูมิภาคนี้ และเศรษฐกิจของทุกประเทศ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือด้านการปศุสัตว์ระหว่างประเทศครั้งสำคัญ และฝากขอความร่วมมือจากผู้บริโภค เกษตรกร นักท่องเที่ยว และประชาชน ช่วยกันสนับสนุนมาตรการป้องกันโรค ASF เพื่อให้ไทยเป็นประเทศที่หลุดพ้นจากวิกฤตการณ์ของโรคนี้ ดังเช่นหลายประเทศที่สามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ หรือ Biosecurity ในระดับสูง ตลอดจน ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนในการเลือกใช้ภาพสำหรับการสื่อสารที่เหมาะสม และที่สำคัญ ขอให้ประชาชนอย่าส่งต่อภาพหรือข้อมูลเท็จเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภคสังคมวงกว้าง ซึ่งอธิบดีกรมปศุสัตว์ยังขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนร่วมกันป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรไม่ให้เข้ามาระบาดในประเทศโดยช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นผู้ที่ลักลอบนำสุกร ซากสุกรตลอดจนผลิตภัณฑ์จากสุกรเข้าประเทศไทยขอให้แจ้งสายด่วน 06-3225-6888 หรือ ที่แอพพลิเคชั่น DLD 4.0 “แจ้งเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย” เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป
ด้าน กรมประมง ชูความสำเร็จของโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ดัน “กะพงขาว” ป้อนออเดอร์สู่ครัวการบินไทยได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อการซื้อขายปลากะพงขาว ระหว่าง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาทะเลไทย และบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่ง นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า “ปลากะพงขาว” เป็นหนึ่งในชนิดสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่กรมประมงส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงได้รวมกลุ่มกันและเข้าร่วมโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการประกอบอาชีพ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และยกระดับสินค้าเกษตรให้มีมาตรฐาน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดระดับพรีเมียม ซึ่งปัจจุบันกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลากะพงขาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายใต้สมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาทะเลไทย ถือเป็นต้นแบบของการรวมกลุ่มตามโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ที่ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี โดยสามารถเปิดช่องทางการตลาดเป็นสินค้าสัตว์น้ำชนิดแรกเพื่อกระจายผลผลิตไปยังฝ่ายครัวการบิน ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน มีออเดอร์เนื้อปลากะพงขาวแช่แข็งเพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารให้แก่ผู้โดยสารการบินไทยกว่า 523 ตัน ซึ่งถือเป็นการใช้แนวทางการตลาดนำการผลิตได้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยผลผลิตที่มีคุณภาพ สด สะอาด ปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี (GAP) มีการปฏิบัติตามแนวทางการใช้แรงงานที่ดี (GLP) รวมทั้งอาหารที่ใช้ในการเลี้ยงมาจากวัตถุดิบที่ทำประมงอย่างถูกกฎหมายมีกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดสายการผลิต (Traceability) ทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจ ล่าสุด สมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาทะเลไทย และ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดทำบันทึกข้อตกลงเพื่อการซื้อขายปลากะพงขาวขึ้น เพื่อทำการป้อนผลผลิตเข้าสู่ครัวการบินไทยรองรับความต้องการของผู้บริโภคบนสายการบินอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สมาคมยังได้จับมือทำบันทึกข้อตกลงเพื่อการผลิตและแปรรูปปลากะพงขาว กับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เพื่อให้กระบวนการแปรรูปและแช่แข็งวัตถุดิบยังคงคุณภาพที่ดีก่อนนำไปประกอบเป็นเมนูอาหารต่างๆ สำหรับเสิร์ฟผู้โดยสารบนสายการบิน โดยกรมประมงพร้อมที่จะให้การสนับสนุนแก่เกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ ได้มีการพัฒนาศักยภาพเพื่อขยายฐานการผลิตปลากะพงขาวตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งจะทำการผลักดันสินค้าสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดอื่นๆ เพื่อเชื่อมโยงการตลาดกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไปในอนาคต...
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี