23 เม.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) สั่งการให้นายสมชาย ฉิมแย้ม หัวหน้าฝ่ายประสานคดีพิเศษ ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ประสานการปฏิบัติร่วมกับพันเอกพงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 6 กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่ทหารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้วัดโบสถ์ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.9 (ปากพราน) เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแควน้อย (เตรียมการ) และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรวัดโบสถ์ กว่า 30 นาย ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบสวนแสงพรหมรีสอร์ท ริมลำน้ำแควน้อย ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสองฝั่งลำน้ำแควน้อย
เมื่อทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเดินทางถึงได้พบกับผู้จัดการรีสอร์ท โดยได้นำเอกสารสิทธิ์ที่ดินเป็น น.ส.3 ข. พื้นที่ 50 ไร่ และใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมมาแสดง เจ้าหน้าที่จึงให้นำชี้ขอบเขตที่ดิน จากการจับค่าพิกัดมาคำนวณเนื้อที่ได้จำนวน 102 ไร่เศษ ซึ่งพื้นที่ไม่ตรงกับเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ข. ที่นำมาแสดงซึ่งมีพื้นที่เพียง 50 ไร่ และมีอาณาเขตไม่ติดต่อกับลำน้ำแควน้อย
จากการตรวจสอบข้อมูล รวมถึงการสืบสวนของ DSIระบุว่า น.ส.3 ข ฉบับนี้ตำแหน่งที่ตั้งจริงอยู่คนละฝั่งแม่น้ำแควน้อย โดยอยู่ห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร และ ปัจจุบันเป็นเขต สปก.ไปแล้ว ดังนั้น น.ส.3 ข ที่ผู้จัดการสวนแสงพรหมรีสอร์ท นำมาแสดงจึงเป็นการนำ น.ส.3 ข ในพื้นที่อื่นมาแสดงว่าเป็นพื้นที่ที่ตั้งรีสอร์ทที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ ณ ปัจจุบัน และจากการดูหลักฐานที่นำมาอ้าง พบว่ามีเนื้อที่เพียง 50 ไร่ แต่จากการตรวจวัดพื้นที่ที่สร้างรีสอร์ททั้งหมดมีเนื้อที่ประมาณ 102 ไร่ ประกอบกับบริเวณที่เกิดเหตุที่สร้างรีสอร์ทนี้ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสองฝั่งลำน้ำแควน้อย จึงเป็นการกระทำผิดตามกฎหมาย
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึดพื้นที่อาคารที่พัก และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ พร้อมนำตัวผู้จัดการรีสอร์ท นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรวัดโบสถ์ เพื่อติดตามตัวนายทุนเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้มาดำเนินคดีต่อไป พร้อมส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการและส่งเรื่องให้กรมที่ดิน ดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ซึ่งหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เพื่อดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ เป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี