25 เม.ย.62 ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการโรงเรียนร่วมพัฒนา ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School Project) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยรวมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ในวิชาภาษาไทย อังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ พบว่าคะแนนมีผลสัมฤทธิ์ที่ดีขึ้นเยอะมาก เมื่อเที่ยบกับค่าเฉลี่ยกลางของ สพฐ.กับค่าเฉลี่ยกลางของประเทศ พบว่าโดยเฉลี่ยผล O-NET ของโรงเรียนในโครงการร่วมพัฒนา ปีการศึกษา 2561 เพิ่มขึ้นรวม 5.03 เมื่อเที่ยบกับปี 2560 ทุกวิชา
"ผลตรงนี้แม้เป็นตัวชี้วัดเล็กๆ แต่สะท้อนถึงผลสัมฤทธิ์หนึ่งที่เห็นถึงความแตกต่างที่เกิดขึ้นจากการที่เราไปปรับกระบวนการเรียนการสอนใหม่ ได้ผู้สนับสนุน มีผู้เชี่ยวชาญเข้าไปเพิ่ม และการที่เด็กได้เรียนของจริงต่างๆ ถือเป็นมิติใหม่ในการเรียนรู้จึงทำให้ผลที่สะท้อนออกมาชัดเจน แม้จะสะท้อนมาเพียงมิติเดียวคือผล O-NET แต่ทางคณะกรรมการฯ กำลังจะออกไปประเมินผลครบรอบ 1 ปี ทั้ง 4 ภาค คือ ภาดเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอีสาน โดยจะเริ่มประเมินตั้งแต่เปิดเทอม คือ พ.ค. - ก.ค.นี้ การประเมินอันดับแรก จะให้บริษัทที่สนับสนุนโรงเรียนนั้นๆ ประเมินตนเองก่อนว่าที่เข้าไปสนับสนุนโรงเรียนนั้นแล้วทำได้ผลดีเพียงใด และจะมีผู้เชี่ยวชาญที่เป็นตัวแทนคณะกรรมการฯ ตัวแทนภาคเอกชนต่างๆ และตัวแทนจาก สพฐ.ไปร่วมประเมิน แต่กลุ่มนี้บริษัทที่สนับสนุนโรงเรียนใดจะไม่มีสิทธิ์ประเมินโรงเรียนที่ตนเองสนับสนุน ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นผลตามจริง รวมถึงจะจ้างมหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญเข้าไปประเมินด้วย" รมช.ศธ.กล่าว
ทั้งนี้ ในวันนี้ยังได้ให้ 5 บริษัท ที่สนับสนุนโรงเรียนในโครงการฯ มานำเสนอความก้าวหน้าหลังจากที่ได้เข้าไปดำเนินการสนับสนุนโรงเรียนว่ามีอะไรบ้าง และมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ซึ่งผลโดยรวมทำให้เห็นว่าทุกบริษัทมีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่น และยึดผลที่จะเกิดกับนักเรียน และความต้องการของชุมชน ผู้ปกครองเป็นตัวตั้ง ทั้งเรื่องการจัดหลักสูตร และการจัดการเรียนการสอน และการนำผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งฟังแล้วไปไกลจากที่ตนคิดไว้มาก เพราะทุกบริษัททุ่มเทอย่างมาก จึงทำให้เห็นผลสัมฤทธิ์อย่างที่เห็น
"ปีที่แล้วผมออกไปเยี่ยมโรงเรียนในโครงการ 40 กว่าโรง ก็เห็นชัดถึงการเปลี่ยนแปลง และผลของ O-NET ก็สะทอนถึงการเปลี่ยนแปลงอีก และก็กำลังจะมีคณะกรรมการลงไปประเมินผลครั้งใหญ่ โดยรวมจึงเชื่อว่าจะมีผลการเปลี่ยนแปลงของโรงเรียนในโครงการร่วมพัฒนาชัดเจนมากขึ้น ทั้ง 164 โรง และยังเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนมากขึ้น" รมช.ศธ.กล่าว
ส่วนความยั่งยืนของโครงการนี้ คิดว่าโครงการดีๆ ไม่ว่าใครมาก็ควรทำต่อ ถึงแม้รัฐบาลใหม่มีสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่โครงการนี้ทางสภาหอการค้า ได้รับเข้าไปดูแลแล้ว และหอการค้ามีอยู่ทั่วประเทศ และเงินที่เข้าไปสนับสนุนโรงเรียนก็มาจากภาคเอกชน และคนก็เริ่มเห็นแล้วว่าการศึกษาดีขึ้นซึ่งเป็นผลดีกับทุกคน ดังนั้น ประชาชนและบริษัทต่างๆควรเข้ามาช่วยทำให้การศึกษาดีขึ้น ตนจึงไม่ห่วงว่าใคาจะมาเป็นรัฐบาล เพราะโครงการนี้ติดลมบนแล้ว รัฐบาลก็ห้ามไม่ได้หากเอกชนอยากช่วยเหลือโรงเรียน และกระทรวงศึกษาฯ เองก็ได้นำเรื่องนี้ใส้ไว้ในแผนการศึกษาของกระทรวงแล้ว จึงอยากให้ทุกคนมองถึงความยั่งยืน ในเมื่อวิธีการเรียน วิธีการสอนจากรุ่นพี่ไปสู่รุ่นน้องทำได้ผลดี และทำให้โรงเรียนกับชุมชนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี