วิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ (Mega farm enterprise) ต่อยอดระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ สู่วิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ หรือ Mega Farm Enterprise (MFE) ให้เป็นกลไกปฏิรูปภาคการเกษตรของไทย ภายใต้แนวคิด ใช้ศักยภาพทุกภาคส่วนมาสนับสนุนการผลิตภาคการเกษตรให้สอดคล้องเชื่อมโยง เพื่อพัฒนาระบบเกษตรกรรม
นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยใช้กลไกการรวมกลุ่มเกษตรกรรายย่อยเพื่อลดต้นทุน การผลิต เป้าหมายสำคัญคือ ให้เกิดแผนการผลิตทางการเกษตรของประเทศ สอดคล้องกับความต้องการของตลาด แก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ มีองค์ประกอบสำคัญคือ การวางแผนการผลิตทางการเกษตรทั้ง พืช ปศุสัตว์และประมงให้เป็นไปตามความต้องการตลาด ภายใต้การบูรณาการของภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร ในการบริหารจัดการแปลงใหญ่ให้เกิดประสิทธิภาพ ซึ่งเกษตรกรจะลดต้นทุนเกิดผลผลิตต่อหน่วยเพิ่มขึ้น รวมทั้งผลผลิตมีคุณภาพได้มาตรฐาน
“นโยบายบริหารจัดการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ เป้าหมายเพิ่มพูนรายได้เกษตรกร เริ่มต้นตั้งแต่การผลิตจนกระทั่งมีผลผลิตจำหน่ายออกสู่ตลาดให้มีศักยภาพก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบันและแข่งขันในตลาดโลกได้ มีเป้าหมายพื้นที่การเกษตรได้รับการพัฒนาสู่การเกษตร ในรูปแบบธุรกิจเกษตรแปลงใหญ่รวม 10 แปลง ในส่วนขั้นตอนดำเนินงานของกรมส่งเสริมการเกษตรได้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการและแนวทางบริหารจัดการในรูปวิสาหกิจเกษตร พร้อมประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อคัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสม รวมกลุ่มเกษตรกรตั้งเป็นนิติบุคคลองค์กรเกษตรกรแปลงใหญ่ คัดเลือกผู้จัดการแปลงจากเกษตรกรเจ้าของที่ดินที่มีศักยภาพหรือบุตรหลานเกษตรกรเจ้าของที่ดิน รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์ แผนการผลิต การลงทุน และการตลาดที่เหมาะสม พร้อมทำสัญญาร่วมทุน/สัญญาซื้อขาย เริ่มลงทุนและเตรียมการ ก่อน ระหว่างและหลังการผลิตสู่การบริหารจัดการตลาดแบบครบวงจร นอกจากนี้ พื้นที่รวมกัน 1,000 ไร่ขึ้นไป พื้นที่ไม่จำเป็นต้องติดกัน สำหรับพืชผัก/สมุนไพร/ไม้ดอกไม้ประดับ ไม่น้อยกว่า 300 ไร่ ทำให้ต้นทุนการเกษตรลดลง
สำหรับพื้นที่เป้าหมายในการพัฒนาต้องมีพื้นที่ส.ป.ก.ที่มอบให้เกษตรกร, พื้นที่ตามโครงการจัดที่ดินทำกินแห่งชาติ (คทช.), พื้นที่ซึ่งเกษตรกรรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์การเกษตรหรือวิสาหกิจชุมชน, พื้นที่ที่ทำเกษตรแปลงใหญ่อยู่แล้วหลายแปลงในพื้นที่อำเภอเดียวกัน และพื้นที่ที่มีศักยภาพผลิตสินค้าเหมาะสมสอดคล้องกับ Agri-MAP
สำหรับพื้นที่เป้าหมายพัฒนาทั้งหมด 10 แปลงได้แก่ พื้นที่ดำเนินการโครงการฯ 10 แปลง 9 จังหวัด ประกอบด้วย 1. แปลงใหญ่มันสำปะหลัง ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขตจ.ฉะเชิงเทรา 2.แปลงอ้อยโรงงาน อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี 3.แปลงสับปะรด อ.เมือง จ.ลำปาง 4.แปลงพืชอาหารสัตว์ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ 5. แปลงเกษตรผสมผสาน ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 6.แปลงเกษตรผสมผสาน ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี 7.แปลงยางพารา กรป.กลาง มะปรางมัน ปัตตานี จำกัด ต.ช้างให้ตก อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี 8. แปลงยางพารา สหกรณ์กองทุนสวนยางหนองบัว จำกัด ต.หนองบัว อ.รัษฎา จ.ตรัง 9.แปลงใหญ่ปาล์มน้ำมัน สหกรณ์นิคมพนม จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี 10. แปลงโคนม สหกรณ์การเกษตรไพรนกยูง จำกัด อ.หันคา จ.ชัยนาท
“วิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่เพื่อเพิ่มพูนรายได้ จะช่วยให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนโครงสร้างการเกษตรกรรมของประเทศไทยจากเกษตรกรรายย่อยเข้าสู่ระบบการบริหารจัดการเกษตรกรรม ร่วมกันแบบแปลงใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ลดต้นทุนด้วยการประหยัดจากขนาด (Economy
of Scale) จากพื้นที่แปลงขนาดใหญ่ เกษตรกรสามารถใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูง ปลูกพืชสร้างมูลค่าเพิ่มได้ เกษตรกรผู้สูงอายุได้รับประโยชน์จากที่ดินทำกินว่างเปล่า เนื่องจากขาดแคลนแรงงาน เกษตรกรมีอำนาจต่อรองสูงขึ้นในการซื้อปัจจัยการผลิตและขายผลผลิต และเกษตรกรจะมีรายได้ 2 ทาง ที่มั่นคงกว่าเกษตรแปลงย่อยคือ ขายผลผลิตและค่าจ้าง (กรณีทำงานให้วิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ที่เกษตรกรเป็นสมาชิก) ภายใต้การบริหารจัดการที่ดี สามารถเพิ่มศักยภาพแข่งขันสินค้าเกษตรและสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร และมีผลตอบแทนคุ้มค่าในทางเศรษฐกิจ”อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี