2 พ.ค.62 หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวการลักลอบนำน้ำมันเถื่อนมาวางขายริมถนนในพื้นที่บ้านคลองแงะ อ.สะเดา และริมถนนในพื้นที่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา และหลังจากที่ พ.ต.อ.นิพนธ์ คงขวัญ ผกก.สภ.คลองแงะ มีคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการกับบรรดาผู้ค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่บ้านคลองแงะอย่างจริงจัง ทำให้ในวันนี้ในพื้นที่ริมถนนระหว่างบ้านคลองแงะ กับบ้านโรย อ.สะเดา จ.สงขลา ไม่มีน้ำมันเถื่อนวางขายอีกเลย เช่นเดียวกับที่ริมถนนตั้งแต่บ้านควนกบ - อ.คลองหอยโข่ง และที่ริมถนนบ้านบางศาลา อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ก็ไม่มีการนำน้ำมันเถื่อนมาวางขายเหมือนแต่ก่อน มีเพียงซุ้มไม้ไผ่และปั้มหลอด ที่นำผ้ามาปกปิดไว้เท่านั้น
ขณะที่ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ผู้ติดตามปัญหาน้ำมันเถื่อนมานาน และเป็นนายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.) เปิดเผยว่า เท่าที่ทราบกัน ขณะนี้จำนวนน้ำมันเถื่อน หรือน้ำมันลักลอบหนีภาษีจากประเทศมาเลเซีย ได้ทะลักเข้ามายังชายแดนประเทศไทย ด้าน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่หนักหน่วงที่สุดวันนี้ ต้องยอมรับว่าด้าน จ.สงขลา โดยเฉพาะชายแดน อ.สะเดา ต.สำนักขาม และ ต.ปาดังเบซาร์
ทั้งนี้ จากข่าวที่ได้นำเสนอ ก็เห็นชัดเจนว่ามีการลักลอบนำน้ำมันเข้ามา แล้วก็ทำเป็นเปิดปั้มจำหน่ายเป็นแบบธุรกิจ ก็เข้าใจได้ว่าคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะประชาชนมีสิทธิ์ที่จะใช้ของถูก แต่นั้นหมายถึงว่าประชาชนต้องขับรถไปเติมน้ำมันในประเทศมาเลเซีย ไม่ได้หมายความว่าจะสนับสนุนให้คนในพื้นที่เปิดปั้มน้ำมัน ซึ่งเป็นปั้มน้ำมันเถื่อน ทำให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของปั้มน้ำมันที่ลงทุนทำธุรกิจในการเปิดปั้มน้ำมัน ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เป็นแสนเป็นล้าน หรืออาจจะ 10 ล้าน 15 ล้าน ในการเปิดปั้ม และคนที่ค้าน้ำมันถูกต้องตามกฎหมาย ต้องเสียภาษีให้กับรัฐ โดยเฉพาะวันนี้ ปั้มน้ำมันต่างๆ เหล่านี้ ต้องเสียภาษีให้กับกรมสรรพสามิต , กรมธุรกิจพลังงาน และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เรียกว่าเป็นภาษีซ้ำซ้อน ซึ่งตรงนี้มันก็เจ็บปวดพออยู่แล้วสำหรับผู้ประกอบธุรกิจค้าน้ำมันที่ถูกต้องตามกฎหมาย
นายไชยยงค์ กล่าวต่อว่า เท่าที่ดูวันนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการจับกุมน้ำมันเถื่อนแม้แต่นิดเดียว วันนี้ที่ยังทำหน้าที่จับกุมน้ำมันเถื่อน ก็คือ กอ.รมน.ส่วนหน้า ซึ่งถือว่าการจับกุมน้ำมันเถื่อน เป็น "ภัยแทรกซ้อน" ของแม่ทัพภาคที่ 4
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีข้อสังเกตอีกเหมือนกัน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในฐานะที่เอาน้ำมันเถื่อนเข้าไปเป็นเรื่องของภัยแทรกซ้อน ได้ดำเนินการจับกุมก็จริง แต่จับกุมอย่างไรทำไมผู้ค้าน้ำมันก็ไม่เข็ดหลาบ จับวันนี้อีก 3 วัน 5 วัน ก็กลับมาเปิดใหม่ ตรงนี้อยากจะฝากให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ดูให้ชัดเจนว่า ทำอย่างไรที่จะให้การจับกุมนี้ จับกุมแล้วผู้ค้าเข็ดหลาบไม่กล้ากลับมาค้าอีก เพราะการที่จับกุมเสร็จอีกไม่กี่วันผู้ประกอบการปั้มเถื่อนกลับมาเปิดปั้ม และจำหน่ายน้ำมันตามปกติ เหมือนเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะมันเหมือนกับว่าเรายิ่งจับ เขายิ่งดำเนินการ
"สิ่งที่ กอ.รมน.จับไปเหมือนไม่ได้สร้างความกระทบกระเทือนให้กับกลุ่มขบวนการผู้ค้าน้ำมันเถื่อนเลย วันนี้ขบวนการผู้ค้าน้ำมันเถื่อนเติบใหญ่ ไม่ได้ขายอยู่เฉพาะใน จ.สงขลา จังหวัดเดียว แต่มีการส่งน้ำมันเถื่อนไปขายถึง จ.นครศรีธรรมราช , จ.สุราษฎรธานี , จ.ตรัง และ จ.พัทลุง ทำกันเป็นขบวนการ แต่ที่จับได้เป็นการจับกลุ่มที่ทำแบบลักษณะธุรกิจปั้มเถื่อนเท่านั้น แต่ในส่วนที่ทำเป็นขบวนการใหญ่ๆ นอกจากที่จับได้วันก่อนที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นน้ำมันมาทางทะเลแล้ว การจับกุมขบวนการลักลอบน้ำมันเถื่อนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นขบวนการวันนี้ยังไม่สามารถที่จะจับกุมคนเหล่านี้ได้" นายไชยยงค์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี