สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงตระหนักถึงความสำคัญของ “น้ำ” ที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับฐานะของราษฎรได้มั่นคงยั่งยืน ประกอบกับการที่ได้ทรงเรียนรู้การทรงงานด้านพัฒนาต่างๆ จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระบรมชนกนาถ ในการเสด็จฯไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแต่ละครั้งนั้น นอกจากสร้างขวัญกำลังใจ และนำความปลื้มปีติสู่ราษฎรแล้ว ทรงศึกษาและทอดพระเนตรโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้วยความสนพระราชหฤทัย และพระราชทานแนวทางเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ราษฎรผู้รับประโยชน์จากโครงการนั้นๆ อีกด้วย
พระองค์ทรงริเริ่มโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยเสด็จฯไปทอดพระเนตรพื้นที่โครงการอุทยานเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และโครงการสวนป่าสิริกิติ์ บ้านห้วยม่วง ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2534 ราษฎรต.ยางหัก ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทาน ความช่วยเหลือด้านแหล่งน้ำ พระองค์จึงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาจัดทำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในตำบลยางหักอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้น เพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ดังกล่าว
โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในตำบลยางหัก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงนับว่าเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริโครงการแรกของพระองค์ โดยสร้างอ่างเก็บน้ำขึ้น 5 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจัน 2 อ่างเก็บน้ำบ้านพุกรูด อ่างเก็บน้ำเขาหัวแดง อ่างเก็บน้ำห้วยพุกรูด และอ่างเก็บน้ำหินสีตอนบน ในปัจจุบันอ่างเก็บน้ำทั้ง 5 แห่งดังกล่าว ส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกในตำบลยางหัก มากกว่า 7,300 ไร่ ได้ทั่วถึง ช่วยส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม สร้างฐานะรายได้ที่ดีขึ้น ราษฎรที่เคยอพยพทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดไปเพราะการประกอบอาชีพที่ไม่ได้ผล พากันกลับสู่บ้านเกิดด้วยความหวังในชีวิตที่เกิดขึ้นจากน้ำพระราชหฤทัย
นับจากนั้นเป็นต้นมา เกือบทุกครั้งที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ต่างๆ มักจะทรงแยกไปทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของราษฎรและพระราชทานแนวพระราชดำริพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อช่วยเหลือปัดเป่าความเดือดร้อนให้ราษฎรในพื้นที่นั้น
จากปี 2534 จนถึงปัจจุบัน โครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศกว่า 100 โครงการ โดยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้งหมด ได้อำนวยประโยชน์ สร้างฐานะทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีให้พสกนิกร ขณะเดียวกันก็สร้างความมั่นคง ความสงบสุข และประโยชน์กับสังคมโดยรวมของประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ พระองค์พระราชทานพระราชกระแสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม ขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ บังเกิดประโยชน์สูงสุดกับราษฎร และเพื่อให้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสำเร็จตามวัตถุประสงค์
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช. ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้น้อมนำพระราชกระแสของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาขับเคลื่อน และผลักดันโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมทั้งน้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้บริหารจัดการน้ำของประเทศ โดยดำเนินการจัดลำดับความสำคัญพิจารณาแผนงาน งบประมาณโครงการพระราชดำริที่พร้อม ไม่ติดปัญหาอุปสรรคใดเป็นลำดับแรก ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาสทนช.เสนอโครงการสำคัญเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ให้ความเห็นชอบ รวม 19 โครงการ ในจำนวนนี้เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จำนวน 6 โครงการ เช่น โครงการประตูระบายน้ำศรีสองรัก จ.เลย อ่างเก็บน้ำลำสะพุง จ.ชัยภูมิ และประตูระบายน้ำลำน้ำพุง-น้ำก่ำ จ.สกลนคร นอกจากนี้ ยังร่วมกับ สำนักงาน กปร.ทำแผนการพัฒนาเพื่อให้ดำเนินโครงการได้ต่อเนื่อง
และที่สำคัญภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) รัฐบาลยังได้กำหนดให้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการสำคัญเร่งด่วน ที่ต้องดำเนินการ พร้อมให้บูรณาการหน่วยงาน เร่งติดตามประสานการขับเคลื่อนโครงการพระราชดำริด้านพัฒนาแหล่งน้ำที่อยู่ระหว่างการขอใช้พื้นที่ โดยให้ สทนช. ดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรายงานให้ สำนักงาน กปร.ทราบ
“สทนช. ได้กำหนดทิศทางการดำเนินงานยึดโยงกับแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เรื่องบูรณาการหน่วยงานแก้ปัญหาน้ำร่วมกัน ดังเช่น กรณีการสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำริให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานด้วยกัน แทนที่จะเป็นเพียงหน่วยงานเดียวอย่างที่เคยเป็นมา อีกทั้งยังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนงานโครงการพระราชดำริให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะสานงานต่อ ก่องานใหม่ จัดการน้ำตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10” เลขาธิการ สทนช. กล่าว
สำหรับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 กว่า 100 โครงการทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก มีทั้งที่เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระองค์ และที่เกิดขึ้นจากขอพระราชทานโครงการจากราษฎรในพื้นที่ ซึ่งทุกโครงการล้วนสนับสนุนให้ประชาชนมีน้ำใช้เพื่ออุปโภค-บริโภค การประกอบอาชีพ และกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงตระหนักถึงความสำคัญของ “น้ำ” และการพัฒนาแหล่งน้ำที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรได้อย่างมั่นคงยั่งยืน ภายหลังจากปี 2534 ที่ทรงริเริ่มโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านการพัฒนาแหล่งน้ำโครงการแรกถึงปัจจุบันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระองค์ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ได้อำนวยประโยชน์ สร้างฐานะทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพสกนิกร ขณะเดียวกัน ด้วยพระราชปณิธานที่จะมุ่งสืบสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทำให้วันนี้ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการพัฒนาอาชีพ ความเป็นอยู่ของราษฎร สร้างความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน สร้างรอยยิ้ม และความปีติสุขให้เกิดขึ้นกับพสกนิกรในพระองค์ตราบนานเท่านาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี