เตือนพายุฤดูร้อน
ถล่มซ้ำอีก3-7พ.ค.
ปภ.สั่งพร้อมรับมือ
ปภ.เตือนภาคเหนือ อีสาน ภาคกลางและกทม.รับมือ “พายุฤดูร้อน”ถล่ม 3-7 พฤษภาคม ฝุ่นควันพิษปกคลุมเชียงใหม่อีกระลอก ยังครองอันดับ 1 เมืองที่คุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก ขณะที่แม่ฮ่องสอนไฟป่าประทุ 300กว่าจุดในวันเดียวหลังพ้นคำสั่งห้ามเผาป่า
เมื่อวันที่ 2พฤษภาคม นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่าเนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้นทำให้เกิดพายุฤดูร้อนโดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงหรือมีลูกเห็บตก ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานครในระหว่างวันที่ 3-7 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อนในช่วงดังกล่าวรวมถึงประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ตัดแต่งกิ่งไม้และต้นไม้บริเวณริมถนนและพื้นที่ชุมชนให้อยู่ในสภาพปลอดภัย เพื่อป้องกันการล้มทับ ก่อให้เกิดอันตรายได้ กรณีสถานการณ์รุนแรงได้เน้นย้ำให้ดำเนินการตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เพื่อประสานให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงทีและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน จากอิทธิพลหย่อมความกดอากาศต่ำ เนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้ ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน–2 พฤษภาคม 2562เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 36 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี พิษณุโลก ปทุมธานี แพร่ ตราด อุตรดิตถ์ มหาสารคาม ชัยภูมิ สระบุรี อ่างทอง เลย ลพบุรี พะเยา อุทัยธานี ลำปาง ชัยนาท นครสวรรค์ สุรินทร์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ กำแพงเพชร เพชรบุรี ร้อยเอ็ด สกลนคร อุดรธานี หนองคาย นครพนม หนองบัวลำภู สุพรรณบุรี ศรีสะเกษ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช นครปฐม อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และขอนแก่น รวม 121 อำเภอ 280 ตำบล 719 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชน ได้รับความเสียหาย 7,146 หลัง เสียชีวิต 1 ราย (อุดรธานี) ผู้บาดเจ็บ 5 ราย (ลำปาง สุรินทร์ และศรีสะเกษ)
สำหรับสภาพอากาศในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันและฝุ่นพิษ อีกระลอก กรมควบคุมมลพิษรายงานคุณภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดทั้ง 4สถานีว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ดัชนีชี้วัดเป็นสีส้มและสีเหลือง ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อยู่ระหว่าง 42-58 ไมโครกรัม ขณะที่ เว็บไซต์ AirVisual รายงานว่าเชียงใหม่ ครองอันดับ 1เมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก ค่า AQI สูง 159ไมโครกรัม พบจุดฮอท สปอท หรือ จุดความร้อนจากการเผาสูงถึง 154จุด สูงที่สุดในภาคเหนือ กระจายอยู่ใน17อำเภอ ขณะที่ จุดฮอท สปอท ทั้งภาคเหนือ สูงกว่า500จุด เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ร้อยละ 142 พบมากในพื้นที่ป่าสงวน เกือบ 280 จุด และพื้นที่อนุรักษ์ 180 จุด
นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่าจังหวัดยังคงมาตรการงดการเผาต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 15 พ.ค.นี้เนื่องจากยังคงมีการลักลอบเผาในหลายพื้นที่ประกอบกับยังมีปริมาณเชื้อเพลิงสะสมในพื้นที่อนุรักษ์ที่รอการจัดการซึ่งจะได้หารือกับทั้ง25อำเภอ เพื่อกำหนดโซนนิ่งการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในป่า ส่วนการเผาทุกชนิด ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
ทั้งนี้ ดาวเทียมระบบ Viirs ตรวจ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม เวลา02.18น.พบจุดความร้อน 90จุด ได้แก่ อ.สบเมย 22 จุด อ.แม่สะเรียง 3 จุด อ.ขุนยวม 10 จุด อ.เมือง 12 จุด อ.ปางมะผ้า 27 จุด อ.ปาย 16จุด ขณะที่ จุดความร้อนประจำวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เวลา13.40น.ดาวเทียมระบบ Viirs พบจุดความร้อนสูงถึง 357 จุด ได้แก่ อ.สบเมย 46 จุด อ.แม่สะเรียง 15 จุด อ.แม่ลาน้อย 17 จุด อ.ขุนยวม 16 จุด อ.เมือง 37 จุด อ.ปางมะผ้า 215 จุด อ.ปาย 11 จุด
นายสำราญ ธรรมตา หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าปางตองฯจ.แม่ฮ่องสอนสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง ระบุว่าเมื่อวันที่ 1 พ.ค.จากรายงานของดาวเทียมที่ตรวจพบจุดความร้อนที่สูงมาที่สุดคือพื้นที่ อ.ปางมะผ้า พบสูงถึง 215 จุดซึ่งพื้นที่ของอำเภอปางมะผ้า ส่วนใหญ่เป็นเขาสูงและมีชนเผ่า ลีซอและมูเซอร์อาศัยอยู่มากกที่สุด จุดไฟป่าดังกล่าวเกิดจากการเผาไร่ เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกโดยเฉพาะข้าวไร่และพืชเศรษฐกิจได้แก่เผือก มันและข้าวโพด เมื่อหมดเขตกำหนดห้ามเผา ราษฎรจึงรีบเผาป่าพร้อมๆกัน ทำให้เกิดจุดไฟป่าสูงมากกว่าที่อื่นทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปดูแล และกำชับให้ราษฎรทำแนวกันไฟก่อนเผา เพื่อป้องกันการลุกลามของไฟในไร่เข้าไปในป่า และรวมไปถึงอาจจะลุกลามเข้าหาบ้านเรือนประชาชนได้
ในส่วนของตัว จ.แม่ฮ่องสอน สภาพอากาศอยู่ในระดับดีมาก ทัศนวิสัยในการมองเห็นมากกว่า 10 กม. ทำให้เครื่องบินโดยสารสามารถบินมาลงได้ตามปกติแล้วแต่ก็ต้องพบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด อุณหภูมิสูงเกินกว่า 42 องศาทุกวัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี