จากเหตุการณ์เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 22 พฤษภาคม 2559 เกิดเหตุไฟไหม้หอพักนักเรียนหญิงระดับประถมของโรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยา อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ขณะเกิดเหตุมีนักเรียนพักอยู่ในหอพัก 38 คน เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมเพลิงและสามารถเข้าช่วยเหลือนักเรียนได้เพียงบางส่วน นักเรียนหญิงอายุระหว่าง 5-12 ปี จำนวน 17 คน ได้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ 5 คน
ปลายปี 2559 กลุ่มวิศวกรอาสา สภาวิศวกร ได้จัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น เพื่อความปลอดภัยสำหรับบ้านเรือนและหอพัก โดยเดินรณรงค์เรื่องความปลอดภัยจากอัคคีภัยให้กับชุมชนที่วิศวกรอาสาเดินผ่านตั้งแต่กรุงเทพฯไปจนถึง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ระยะทาง 750 กิโลเมตร และยังทำกิจกรรมในจังหวัดเชียงรายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็น “เวียงป่าเป้าปลอดภัยโมเดล” ที่มุ่งให้ชุมชนปลอดภัยจากเหตุไฟไหม้และติดตั้งเครื่องตรวจจับควันในบ้านและหอพัก เพื่อลดความสูญเสียชีวิตของประชาชนให้ได้มากที่สุด
จนถึงวันนี้ โรงเรียนพิทักษ์เกียรติพิทยา ยังไม่ได้ดำเนินการสร้างหอพักขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ถูกไฟไหม้ไปครั้งนั้น แต่ว่า อาคารทุกหลังในโรงเรียนแห่งนี้ ได้มีการติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้และเตือนอัคคีภัยเอาไว้อย่างครบถ้วนหมดแล้วทุกหลัง
ถึงแม้ว่าจะผ่านมาเกือบ 3 ปีแล้วก็ตาม แต่บทเรียนราคาแพงที่เกิดขึ้นกับนักเรียนในจังหวัดเชียงราย ทำให้เกิดการตื่นตัวในชุมชนและโรงเรียนในจังหวัดเชียงราย เพื่อป้องกันอัคคีภัยให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น ชาวบ้านในชุมชนของจังหวัดเชียงรายหลายกลุ่มได้เตรียมพร้อมและรับมือกับเหตุการณ์ไฟไหม้ในหลากหลายรูปแบบวิธีการป้องกัน ทั้งฟืนไฟที่ก่อไฟหุงต้มข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องดับไฟให้สนิท ดูทุกสิ่งทุกอย่างปิดไฟ ถอดปลั๊ก ก่อนออกจากบ้าน
แม้ว่าในวันนี้โรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยาปลอดภัยจากอัคคีภัยมากขึ้น เพราะว่า สภาวิศวกรและภาคีเครือข่ายได้เข้ามาติดตั้งเครื่องเตือนควันไฟและระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ให้แล้ว โดยทุกห้องเรียนมีเครื่องตรวจจับควัน และมีระบบสายสัญญาณเชื่อมไปยังที่แผงควบคุมซึ่งสามารถแจ้งเตือนภัยให้ทั้งโรงเรียน รวมทั้งมีสวิตช์สั่งให้กระดิ่งเตือนภัยทำงานที่นักเรียนและครูสามารถกดเพื่อเตือนไฟไหม้ได้ เพื่อให้ทุกคนได้อพยพหนีไฟได้ทัน แต่ก็ยังมีโรงเรียนอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่พร้อมกับการป้องกันอัคคีภัย ดังนั้น จึงต้องขอรณรงค์เรื่องนี้อย่างเข้มข้นต่อไป
สภาวิศวกรได้แนะนำมาตรการ 3ต เพื่อเน้นการป้องกันอัคคีภัยสำหรับบ้านและหอพัก ดังนี้
มาตรการ ต1 คือ “ตรวจตรา” ในการป้องกันอัคคีภัยในบ้านคือ ต้องดูแลด้านอุปกรณ์ต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้ โดยเฉพาะในเรื่องของจุดต้นเพลิงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า ปลั๊กพ่วง การจุดธูปเทียน การไม่ได้ปิดสวิตช์ไฟ ถังแก๊สใช้งานแล้วไม่ได้ปิด ซึ่งสาเหตุเพลิงไหม้ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในกรณีบ้านเรือนจะมี อยู่ 3 เรื่องนี้ คือ ไฟฟ้า ธูปเทียน และอุปกรณ์ในครัว ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ของปัญหาอัคคีภัยที่เกิดขึ้นภายในบ้านเรือนที่อยู่อาศัย”
มาตรการ ต2 คือ อุปกรณ์เตือนควันไฟซึ่งสภาวิศวกร วิศวกรอาสา และภาคีเครือข่าย พยายามรณรงค์ให้ประชาชนรู้จักอุปกรณ์เตือนควันไฟให้มากขึ้น เนื่องจากว่าเป็นอุปกรณ์ที่หาซื้อใช้งาน ติดตั้งง่าย ดูแลง่าย ที่ไม่เป็นภาระ ช่วยเหลือเราในเบื้องต้นได้ แนะนำให้ติดตั้งอย่างน้อย 1 ตัว บริเวณโถงหน้าห้องนอน
มาตรการ ต3 คือ เตรียมตัว เพื่อวางแผนหนีไฟไว้ก่อน มองหาทางสำรอง เช่น หน้าต่างหรือระเบียง ภายในห้องนอน เพื่อใช้กรณีหนีออกจากห้องนอนทางประตูปกติไม่ได้
นอกจากอุปกรณ์เตือนอัคคีภัยแล้ว ตอนนี้โรงเรียนเกียรติพิทักษ์วิทยาได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้นักเรียนได้เรียนรู้เรื่องการอพยพหนีไฟอย่างถูกต้องขึ้นแล้วด้วย โดยมีการจัดการเรียนการสอนบูรณาการเข้ากับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนในทุกกลุ่มสาระ โดยจัดทำหลักสูตรการป้องกันอัคคีภัยเข้าในหลักสูตรของสถานศึกษา
นอกจากโรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยาแล้ว กลุ่มวิศวกรอาสา สภาวิศวกร ยังเข้าไปสนับสนุนให้ชุมชนต่างๆ เรียนรู้วิธีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้านของตัวเอง รวมทั้งติดตั้งเครื่องเตือนควันไฟ เพื่อเตือนภัยให้คนในบ้านทราบอย่างรวดเร็วหากเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นมา โดยเริ่มต้นวิธีการตรวจดูที่สวิตช์ หรือคัทเอาท์ใหญ่ ตรวจสอบดูฟิวส์หรือสะพานไฟที่ใช้ถูกต้องหรือไม่เนื่องจากมีบ้านบางหลังใช้สายไฟเปลือยมาแทนฟิวส์
หลังจากนั้นตรวจสอบสายไฟ ปลั๊กไฟมีชำรุดไหม โดยเฉพาะปลั๊กไฟ สังเกตดูว่ามีรอยอาร์คไหม้หรือไม่ ถ้าหากมีรอยอาร์ค หรือชำรุดไหม้ อย่างนี้สมควรจะเปลี่ยนใหม่ เพราะว่าปลั๊กไฟเมื่อมีการเสียบเข้า ดึงออกบ่อย จะทำให้ปลั๊กไฟหลวม ทำให้เกิดการอาร์คได้ และช็อตไหม้ได้โดยไม่รู้ตัว เมื่อเกิดอาร์คแล้วจะเกิดสะเก็ดไฟหล่นลงมาไหม้สิ่งของด้านล่างได้
อีกทั้ง อุปกรณ์เตือนควันไฟต้องมีการตรวจสอบและทดสอบ อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่ายังใช้งานได้ดีอยู่ โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุที่มักจุดธูปเทียนภายในบ้าน จึงมีความเสี่ยงที่เกิดไฟไหม้ได้ เครื่องเตือนควันไฟนี้ จึงสามารถช่วยส่งเสียงเตือนดังหากเกิดเหตุขึ้น และคำแนะนำภายในบ้าน ควรมีทางออกหลายทาง เพื่อช่วยให้ออกหนีได้ทัน
โรงเรียนเชียงรายปัญญานุกูล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ยังเป็นอีกหนึ่งโรงเรียนที่หาวิธีป้องกันการเกิดอัคคีภัยภายในโรงเรียนที่มีความเข้มแข็งในเรื่องการป้องกัน เนื่องจากโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งสำหรับผู้พิการทางสมอง โดยการร่วมมือกับสภาวิศวกร โดยได้ติดตั้งอุปกรณ์เตือนควันไฟ เพื่อเตือนภัยเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันอย่างหนึ่ง คือ ต2 และได้จัดให้มีการซ้อมหนีไฟกันเป็นประจำ ทีมสภาวิศวกร ในนามมูลนิธิช่างไทยใจอาสา ยังเข้ามาตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารและเส้นทางหนีไฟให้กับโรงเรียน เพื่อเตรียมพร้อมให้กับทุกคนสามารถหนีได้ทันหากเกิดไฟไหม้ รวมทั้งได้ติดตั้งเครื่องเตือนควันไฟให้ในพื้นที่มีความเสี่ยงด้วย
ถ้าหากเราสามารถเตรียมการ “ป้องกัน”ทั้งหมดนี้ได้ จะสามารถปลอดภัยจากอัคคีภัยได้มากขึ้น กรณีนี้จึงเป็นกรณีศึกษาการเกิดไฟไหม้หอพักนักเรียนอย่างไม่คาดคิด โดยที่เราสามารถเริ่มต้นด้วยกัน “ป้องกัน” ในคำขวัญที่ว่า “อัคคีภัยป้องกันได้ แค่ใส่ใจไม่ประมาท”
ดร.พิชญะ จันทรานุวัฒน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี