หนุ่มเมาซิ่งเก๋ง พุ่งชนชาวโอมานคอหักคาที่ เมียชาวไทยปางตาย ผงะพบประวัติเคยเมาแล้วขับ
จากกรณีวันที่ 7 พ.ค.62 เวลา 23.30 น. พ.ต.ต.สมัย ภูวงษ์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านกลาง อ.เมือง จ.นครพนม รับแจ้งเหตุว่ามีรถยนต์ชนรถจยย.มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 หรือถนนชยางกูร สายนครพนม-ธาตุพนม บ้านกุดข้าวปุ้น หมู่ 3 ต.ขามเฒ่า จึงไปพร้อมแพทย์เวร รพ.นครพนม เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างนาวาธาตุพนมเขตเมือง กู้ภัยลำโขงเฟรนด์ชิฟและรถกู้ชีพ อบต.ขามเฒ่า
ที่เกิดเหตุเป็นถนน 4 เลน ฝั่งขาออกตัวเมือง หน้าบ้านเลขที่ 35 พบศพผู้ตายเป็นชาย ทราบต่อมาว่า ชื่อนายอารี อับดุลเลาะห์ อายุ 62 ปี เป็นชาวประเทศโอมาน นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือด ในสภาพคอหักหมุนได้รอบ ใต้พุ่มไม้พบรถจยย. ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำ ทะเบียน 1 กญ 2477 นครพนม ด้านท้ายถูกชนจนล้อเบี้ยว ด้านหน้าก็มีสภาพไม่ต่างกัน ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อ นางชไมพร ยอดไม้ อายุ 39 ปี เป็นคนขับรถจยย. เจ้าหน้าที่นำส่งรักษาที่ รพ.นครพนม ส่วนศพนายอารี ก็นำไปเก็บไว้ที่ห้องดับจิต รพ.นครพนม เช่นกัน
บริเวณที่เกิดเหตุใกล้กับรถจยย. พบเศษกระเบื้องหล่นแตกและพบรากต้นตะขบถูกชนแบบถอนรากถอนโคนกระเด็นไปไกล 5 เมตร นอกจากนี้ มีเสาปูนรั้วบ้านหักอีก 2 ต้น รั้วเหล็กยาว 5 เมตร หักงอได้รับความเสียหายและยังพบป้ายชื่อร้านอาหารก๋วยเตี๋ยวตกอยู่ใกล้ล้อซ้ายหลัง
ถัดมามีรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนต้า รุ่นซิตี้ สีบรอนซ์ ทะเบียน 8560 มุกดาหาร สภาพหน้ารถพังยับเยิน กระจกหน้าด้านซ้ายแตกร้าว กระจกหลังแตกละเอียดทั้งบาน น้ำมันเครื่องไหลนองพื้น ถุงลมนิรภัยทำงานทั้งสองด้าน จอดแน่นิ่งอยู่หน้าร้านอาหารเจบี ลาบก้อย
พบนายธเนศ ศรีรมย์ อายุ 27 ปี ชาวบ้านนาโดน ต.ขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม คนขับรถเก๋งคันดังกล่าวไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่มีอาการคล้ายคนเมาสุรา เดินไปมาด้วยอาการตื่นตระหนก เจ้าหน้าที่จึงรีบกันตัวออกมาจากที่เกิดเหตุ หวั่นจะถูกญาติของผู้บาดเจ็บรุมประชาทัณฑ์ ก่อนจะนำตัวไปให้แพทย์ รพ.นครพนม ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด ซึ่งผลออกมามีแอลกอฮอล์สูงถึง 206 มล.% และต่อมานายธเนศ มีอาการเจ็บหน้าอก แพทย์จึงให้นอนรักษาตัวเพื่อรอดูอาการ
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถจยย.ที่มีนางชไมพร คนขับ มีนายอารี ผู้ตายซึ่งเป็นสามีนั่งซ้อนท้าย ขับจากออกมาจากบ้านพักที่อยู่บ้านกุดข้าวปุ้น หมู่ 3 เพื่อจะไปรับประทานที่ร้านอาหารครัวตนภูธร อยู่ห่างจุดเกิดประมาณ 100 เมตร
ขณะมาถึงที่เกิดเหตุ มีรถเก๋งที่มีนายธเนศ เป็นคนขับมาจากตัวเมืองด้วยความเร็วสูง มุ่งหน้ากลับบ้านที่บ้านนาโดน พุ่งชนท้ายก่อนเสียหลัก ชนต้นตะขบจนรากไม้กระเด็น แล้วเสียหลักพุ่งชนรั้วร้านอาหาร โดยร่างของนายอารีและนางชไมพร ลอยละลิ่วตกกระแทกพื้น เป็นเหตุให้นายอารี หัวโหม่งพื้นถนนคอหักเสียชีวิตคาที่ ส่วนนางชไมพร บาดเจ็บสาหัส
หลังเกิดเหตุมีนางบวร ยอดไม้ อายุ 35 ปี น้องสาวของนางชไมพร ผู้บาดเจ็บ ได้มาดูศพนายอารี กล่าวทั้งน้ำตาว่า นายอารี ซึ่งเป็นพี่เขยชาวโอมาน เพิ่งเดินทางมาจากประเทศโอมาน แถบตะวันออกกลาง ลงเครื่องที่สนามบินนครพนม มาถึงบ้านพักเวลา 17.00 น. พี่สาวและพี่เขยได้ร่วมกันปัดกวาดทำความสะอาดบ้านพัก ที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จได้ไม่นาน จนเกิดอาการเหนื่อยล้า จึงชักชวนกันขับรถ จยย.เพื่อจะออกไปรับประทานอาหารที่ร้านครัวตนภูธร กระทั่งมาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน
ล่าสุด วันที่ 8 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ศพของนายอารี ยังอยู่ในห้องดับจิต รพ.นครพนม เพื่อรอญาติจากประเทศโอมาน เดินทางมาดำเนินการทางศาสนา เพราะผู้ตายนับถือศาสนาอิสลาม ไม่มีใครทราบขั้นตอนของการปฏิบัติต่อศพ ขณะที่บรรยากาศบ้านของนางชไมพร เงียบเหงาประตูล็อคกุญแจแน่นหนา เพราะญาติๆต่างไปนอนเฝ้าอาการบาดเจ็บของนางชไมพรที่ รพ.นครพนม กันหมด
ด้าน พ.ต.อ.เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ ผกก.สภ.บ้านกลาง เปิดเผยว่าหลังจากสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วและได้รับคำร้องทุกข์ในความผิดฐานขับขี่รถยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย บาดเจ็บสาหัส และทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายและอีกหนึ่งข้อหาคือขับขี่รถยนต์ขณะเมาสุรา ซึ่งนายธเนศ มีประวัติถูกจับเมาแล้วขับมาก่อนหน้านี้และศาลฯเมตตาให้รอลงอาญาโทษจำคุกไว้ 2 ปี แต่ก็ไม่สำนึกยังดื่มสุราจนเมาแล้วขับมาชนผู้อื่นจนเสียชีวิต นักกฎหมายจึงเชื่อว่านายธเนศ ต้องถูกพิพากษาเพิ่มโทษ โดยไม่รอลงอาญาแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี