อย.จี้สายเขียว
รีบแจ้งครอบครองกัญชา
ก่อนหมดเขต21พค.
ย้ำอย่าเชื่อข่าวแชร์
อนุญาตให้ปลูกเสรี
เลขาฯอย.ย้ำผู้ครอบครองกัญชาให้รีบมาแจ้งก่อนครบกำหนด 21 พฤษภาคมเผยตัวเลขจนถึงขณะนี้มีผู้แจ้งแล้วเกือบ 1 หมื่นราย พร้อมเปิดช่องอำนวยความสะดวกในการรับจดแจ้ง โดยเพิ่มสถานที่และเพิ่มเวลาได้ที่ อย.และที่สสจ.ทุกจังหวัด ได้ทั้งเสาร์-อาทิตย์ เตือนอย่าเชื่อข่าวแชร์ผ่านโซเชียลที่ระบุเป็นการอนุญาตให้ปชช.ปลูกได้ แจงขั้นตอนนี้เป็นการแจ้งครอบครองเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์หรือรักษาโรคเท่านั้น ไม่ใช่เปิดให้ปลูกเสรี
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาเปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้มาแจ้งครอบครองกัญชาแล้วเกือบ 10,000 ราย และขณะนี้ใกล้หมดระยะเวลาที่เปิดให้แจ้งครอบครองแล้ว ในวันที่ 21 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้มาแจ้งครอบครองฯ ได้ทันเวลาที่กำหนด กระทรวงสาธารณสุข จึงมีนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พิจารณาเพิ่มเวลาการรับแจ้งครอบครองฯ ในวันเสาร์หรืออาทิตย์ และเพิ่มสถานที่ในการรับแจ้งยังสถานที่ต่างๆด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ต้องการมาแจ้งครอบครอง
เลขาฯอย.กล่าวต่อว่า สำหรับวันนี้อย.เปิดรับแจ้งการครอบครองฯ เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติติดต่อมา ขอนำเครือข่ายเกษตรกรและครอบครัว ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มาแจ้งครอบครองกัญชาประมาณ 300 ราย โดย อย.ระดมเจ้าหน้าที่มาให้บริการรองรับการแจ้งครั้งนี้เต็มที่
“จึงขอแจ้งไปยังผู้ที่ยังไม่ได้มาแจ้งครอบครอง ขอให้รีบมาดำเนินการโดยเร็วก่อนสิ้นสุดเวลาที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการแจ้งครอบครองกัญชานั้นไม่ได้ยุ่งยาก ผู้ครอบครองกัญชามาก่อน ที่อยู่ในกรุงเทพฯ แจ้งได้ที่ อย. ส่วนต่างจังหวัดแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ขอให้เตรียมเอกสารหลักฐานให้พร้อม ได้แก่ บัตรประชาชน เอกสารแจ้งการมีกัญชา เอกสารรับรองอาการเจ็บป่วยจากแพทย์ และนำกัญชาที่ใช้รักษาไปด้วย หากมีปริมาณมาก สามารถใช้รูปถ่ายได้”นพ.ธเรศกล่าว
และว่า กรณีกลุ่มผู้ป่วยมีจำนวนมาก สามารถติดต่อหรือโทรศัพท์ประสานกับอย. หรือสสจ. เพื่อแจ้งชื่อ นามสกุล กำหนดวัน เวลานัดที่จะเดินทางไปแจ้งการครอบครองได้ โดยกรอกแบบการแจ้งครอบครองเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว และนำยากัญชาหรือน้ำมันสกัดกัญชาที่ใช้รักษาโรคพร้อมเอกสารต่างๆ ไปแจ้งครอบครองตามที่ได้มีการนัดหมายไว้ แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยใช้สารสกัดกัญชารักษาโรคมาก่อน ไม่จำเป็นต้องรีบหาผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อมาแจ้งครอบครองในช่วงนี้ เพราะการใช้สารสกัดกัญชารักษาอาการใดๆก็ตาม ควรได้รับการวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนจากแพทย์ ไม่ควรหาซื้อมาใช้เอง เพราะอาจได้รับอันตราย และขณะนี้มีหลายหน่วยงานกำลังวิจัยเพื่อผลิตสารสกัดจากกัญชาที่มีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยจากการใช้ยามากขึ้น
นพ.ธเรศกล่าวด้วยว่า ระยะนี้ อย. ยังพบว่ามีการแชร์เรื่องการปลูกกัญชาในสื่อออนไลน์ โดยเป็นเอกสารเผยแพร่ที่ระบุให้แจ้งครอบครองภายในกำหนด และให้ประชาชนขอปลูกกัญชาได้ หรือกล่าวถึงโรคต่าง ๆ แล้วให้นำใบรับรองแพทย์ไปขอปลูกกัญชาเพื่อรักษาโรค ซึ่งอย. ขอแจ้งให้ทราบว่า การรับแจ้งที่ อย. หรือ สสจ. ในขณะนี้ เป็นการแจ้งครอบครองกัญชา เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรือใช้รักษาโรคเท่านั้น ไม่ใช่การอนุญาตให้ปลูกกัญชาแต่อย่างใด
“ขอย้ำว่าเกษตรกรรายย่อยไม่สามารถปลูกกัญชาได้ ต้องเป็นเกษตรกรที่รวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม หรือสหกรณ์การเกษตร ซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมาย และร่วมดำเนินการกับหน่วยงานของรัฐ หรือกรณีที่มีโครงการร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัยหรือจัดการเรียนการสอนทางการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์ และยังต้องดำเนินการร่วมกับหน่วยงานรัฐด้วย ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 21 แห่งพ.ร.บ.ยาเสพติด จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลวงดังกล่าว หากมีข้อสงสัยใด ๆ สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่สายด่วน อย. 1556 กด 3”เลขาฯอย.ระบุ
วันเดียวกัน ที่โรงแรมสตาร์คอนเวนชั่น อ.เมืองระยอง น.พ.วีระศักดิ์ เจียมอนุกูลกิจ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง เปิดงานเสวนาวิชาการ เรื่อง “กัญชา…พืชสมุนไพรทางเลือก” โดยมีนายวัฒนา พวงสวัสดิ์ ประธานสภากัญชาจังหวัดระยอง และสภากัญชาอำเภอต่างๆ ผู้ทรงคุณวุฒิ ดร.พงษ์ศักดิ์ อวัยวานนท์ อดีตเลขาธิการสภาแพทย์แผนไทย พร้อมผู้สนใจร่วมเสวนา
โดยนายวัฒนากล่าวว่า การจัดเสวนาวิชาการประเด็นกัญชาครั้งนี้ เพื่อเปิดตัวให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบข่าวตั้งสภากัญชาแห่งประเทศไทยประจำจังหวัดระยอง ภายใต้โครงสร้างบริหารของสภากัญชาแห่งประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนการเรียนรู้เพาะปลูก แปรรูปสมุนไพรสำหรับภาคประชาชน วิสาหกิจชุมชนนำไปใช้ในทางการแพทย์และเชิงพาณิชย์ ต้องการให้ภาครัฐและเอกชนตื่นตัว หันมาร่วมมือกันศึกษาหาข้อมูลนำไปใช้ในทางการแพทย์อย่างถูกต้อง การปลูกและครอบครองตามกฏหมาย เพื่อนำไปสู่การร่วมมือกับหน่วยงานทางการแพทย์ ร่วมตั้งสภากัญชาแห่งประเทศไทยประจำจังหวัด สภากัญชาอำเภอ สภากัญชาตำบลและสภากัญชาหมู่บ้าน โดยรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ร่วมตั้งเครือข่ายผู้ป่วยผู้ใช้ผู้ผลิตจากใต้ดินขึ้นเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น และเพื่อให้ติดต่อหน่วยงานภาครัฐด้วยความเรียบร้อยและรวดเร็ว ที่สำคัญหวังว่าหลังการแลกเปลี่ยนความเห็นครั้งนี้แล้ว จะสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนในการขอสิทธิ์ครอบครอง ขอนิรโทษกรรมก่อนวันที่ 21 พฤษภาคม
ด้านน.พ.วีระศักดิ์กล่าวว่า การดำเนินการเรื่องกัญชาระยะนี้ อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หลังเสวนาจะเรียบเรียงประเด็นข้อเท็จจริงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ใช้เป็นข้อมูลพิจารณาดำเนินการหลังพ.ร.บ.นิรโทษกรรมวันที่ 21 พฤษภาคม วันนี้เป็นการสร้างการรับรู้ว่า ถ้าใครมีไว้ในครอบครองให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่จะได้นิรโทษกรรม ส่วนประเด็นทั้งหมดต้องนำเรื่องเสนอให้ผู้ที่ใช้ดุลพินิจทางนโยบาย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ต้องเก็บข้อมูลการประชุมนำไปสู่การหาทางออก แต่ทั้งหมดคงต้องอยู่ในนโยบายของภาครัฐกำหนด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี