จับรถไปรษณีย์
ขนแรงงานเถื่อน
ตบตาส่งมาเลเซีย
ตำรวจ-ทหารไล่ล่า“แก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ”สกัดจับ “รถไปรษณีย์ไทย” ขนแรงงานพม่า 13 คน ส่งนายหน้าหาดใหญ่ เข้ามาเลย์ถูกจับก่อน หิ้ว 2 คนขับรถสอบ สารภาพรับค่าจ้างขนหัวละ1,500บาททำมาหลายครั้งอ้างขนรถไปรษณีย์ง่ายกว่าวิธีอื่น ด้านไปรษณีย์ไทยไล่คนขับรถขนแรงงานเถื่อน ชี้ผิดกม.ผิดวินัยร้ายแรง
เมื่อวันที่ 14พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ชุดศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัวและป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ชุด ศพดส.ตร.)ซึ่งมี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจเเห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯร่วมกับ พ.ต.อ.ณัฎฐภาคิน ขวัญชัยยพฤกษ์ รอง ผบก.บก.ตม6 ,พ.ต.อ.ยศวรรธ์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.1บก.สส.ภาค 9,เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายเเดนกองร้อย ตชด.437,สภ.รัตภูมิ,เจ้าหน้าที่ทหารมทบ.42 สนธิกำลังไล่ล่าจับกุมการขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา 13รายซึ่งใช้วิธีขนมากับรถบรรทุกหกล้อขนส่งไปรษณีย์ของบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด หมายเลข ทะเบียน 51-6730 กรุงเทพมหานคร
เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว ได้ไล่ติดตามรถขนส่งไปรษณีย์คันนี้ ขณะวิ่งมาบน ถนนสายเอเซีย 41และได้สกัดจับก่อนถึงสี่แยกคูหา อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ขนมาจาก จ.สมุทรสงคราม จากการตรวจค้นภายในรถพบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา เชื้อสายฮินดู จำนวน13คน เป็นผู้ชายทั้งหมด นั่งอยู่ในตู้ท้ายรถบรรทุกพร้อมกระเป๋าสัมภาระและเป็นแรงงานเถื่อนที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเนื่องจากไม่มีหนังสือเดินทาง หรือเอกสารใดๆ
และได้ควบคุมตัวคนขับรถขนส่งไปรษณีย์ 2 คนมาสอบสวนที่มทบ.42ค่ายเสนาณรงค์ ทราบชื่อคือ นายธนาชัย มั่งทิม อายุ 34 ปี ที่อยู่ 11/2 หมู่ที่ 3 ต.บางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม คนขับ และ นายพงษ์พัฒน์ เหมาะเจาะ อายุ 29 ปี ที่อยู่ 137/2 หมู่ที่ 11 ต.เขาล้าน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งคู่นั่งมาด้วยกันซึ่งได้อาศัยอำนาจในการควบคุมตัวตาม มาตรา44 เพื่อทำการซักถามปากคำและนำตัวไปควบคุม
ทราบว่าได้ขนแรงงานเถื่อนทั้งหมดมาจาก จ.สมุทรสงครามเพื่อไปส่งให้นายหน้าในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ก่อนที่จะส่งต่อผ่านช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา ข้ามแดนเข้าไปยังประเทศมาเลเซียโดยได้รับค่าจ้างในการขนหัวละ1,500บาทและลักลอบขนมากับรถขนส่งไปรษณีย์มาแล้วหลายครั้ง
เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่าการจับกุมแรงงานเถื่อนที่ขนมากับรถขนส่งไปรษณีย์ในครั้งนี้ เป็นการสอบสวนขยายผลจากการจับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์ที่ให้การซัดทอดว่าหนึ่งในวิธีการขนแรงงานเถื่อนคือการขนมากับรถขนส่งไปรษณีย์ซึ่งง่ายกว่าการขนด้วยวิธีอื่นเช่นขนมากับรถกระบะหรือรถบัสโดยสารเพราะจะถูกตรวจค้น แต่หากขนด้วยรถขนส่งไปรษณีย์ จะไม่ผิดสังเกตและล็อตนี้ขนมาจำนวน 13คน เจ้าหน้าที่จึงวางแผนติดตามจับกุมขณะรถบรรทุกคันนี้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ จ.สงขลาเตรียมนำไปส่งให้กับนายหน้าที่ อ.หาดใหญ่ ส่วนการดำเนินคดีได้แจ้งข้อหา แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ควบคุมไว้ที่ สภ.รัตภูมิ ส่วนคนขับรถขนส่งไปรษณีย์ ซึ่งทำหน้าที่ขนแรงงานต่างด้าวควบคุมตัวไปซักถามเพื่อขยายผลไปยังเครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามชาติและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
บ่ายวันเดียวกัน บริษัทไปรษณีย์ไทยจำกัด(ปณท)ได้ชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่ขับรถขนส่งไปรษณีย์ ลักลอบขนแรงงานเถื่อนต่างด้าวชาวพม่าเชื้อสายฮินดู 13รายเพื่อนำไปส่งที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไปรษณีย์ไทย มิได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นการเร่งด่วน พบว่าเจ้าหน้าที่ขับรถ คือ นายธนาชัย มั่งทิม เป็นเจ้าหน้าที่ขับรถขนส่งไปรษณีย์ทะเบียน51-6730 กรุงเทพมหานครที่อยู่ในความรับผิดชอบบริษัทไปรษณีย์ไทยซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและผิดวินัยร้ายแรงไปรษณีย์ไทย ได้ไล่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวออกจากการปฏิบัติหน้าที่แล้วรวมทั้งให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด
พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานทุกสังกัดกำกับดูแลการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบวิธีปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นอีกซึ่งไปรษณีย์ไทย ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาการค้ามนุษย์และให้ความสำคัญต่อนโยบายการปราบปรามปัญหาการค้ามนุษย์ของรัฐบาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี