ตร.รวบ2ผัวเมียสุดแสบ
สวมรอยปปช.
ตุ๋นเงินอปท.-ผ้บริหารรร.
อ้างค่าวิ่งเต้นพ้นคดีทุจริต
พบหมายจับติดตัวอื้อซ่า
กองปราบปรามร่วมกับ ป.ป.ช.รวบ2 ผัวเมียแสบ แอบอ้างป.ป.ช.หลอกเรียกเงินผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น -ผู้บริหารโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศอ้างช่วยวิ่งเต้นให้พ้นคดีทุจริตได้ ตรวจสอบพบเงินหมุนเวียนในบัญชีเดือนละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท และมีประวัติก่อคดีเพียบ เชื่อมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่านี้
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 15 พฤษภาคม ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.)พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.กก.2 บก.ป. , พ.ต.ต.เอกพล ปัญจมานนท์ สว.กก.2 บก.ป.พร้อมด้วย นายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักกิจการสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง แถลงผลการจับกุม นายแก้ว ประสมผล อายุ 37 ปี ภูมิลำเนาอยู่ ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง และนางอรุณรัตน์ วังพรม อายุ 37 ปี ภูมิลำเนาอยู่ ต.นาดี อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู สองสามีภรรยา พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือนับสิบเครื่อง ตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ 241 และ 242/2559 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2559 ข้อหาแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำตนเป็นเจ้าพนักงานโดยมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น โดยจับกุมได้ที่หลังบ้านเช่าไม่มีเลขที่ หมู่ 7 ต.มะเริง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
นายสุทธิ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองมีพฤติการณ์ สุ่มโทรศัพท์ไปหาผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ และผู้บริหารโรงเรียนจำนวนมาก ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ แล้วอ้างว่าทางผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือผู้บริหารโรงเรียนเหล่านั้น มีคดีความผิดเกี่ยวกับทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ หรืออยู่ระหว่างจะถูกตรวจสอบทรัพย์สิน โดยเรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช. จากนั้นก็อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.หรืออนุกรรมการไต่สวนคดีของ ป.ป.ช.ว่าสามารถให้ความช่วยเหลือวิ่งเต้นให้รอดพ้นการตรวจสอบคดีได้ แต่มีค่าดำเนินการ ทำให้มีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อ ยอมโอนเงินค่าดำเนินการให้ทางผู้ต้องหารายละตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท
จากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหาทั้งสอง มีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารที่ได้จากการหลอกลวงเหยื่อไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหาทั้งสอง เคยถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวมาแล้ว แต่ภายหลังได้รับการประกันตัวออกมาแล้วหลบหนีคดี กลับไปก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวอีกและก่อเหตุอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีไว้ในหลายพื้นที่ ซึ่งหลังจากทาง ป.ป.ช.พบพฤติการณ์ของผู้ต้องหาได้ร่วมกันกระทำผิดดังกล่าว จึงประสานมายังตำรวจกองบังคับการปราบปราม เพื่อช่วยสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองมาดำเนินคดี เนื่องจากทำให้หน่วยงาน ป.ป.ช.ได้รับความเสียหายอย่างมาก
นายสุทธิ กล่าวว่า สำหรับข้อมูลที่ผู้ต้องหาได้รับเกี่ยวกับตัวผู้เสียหาย พบว่าทางผู้ต้องหาได้อาศัยการเปิดเผยข้อมูลทางเว็บไซต์ของทาง ป.ป.ช.ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ รวมทั้งยังอาศัยข้อมูลข่าวสารที่มีการเผยแพร่ทางสื่อมวลชนในการติดต่อไปยังผู้เสียหายรายต่างๆ มีการสร้างความน่าเชื่อถือด้วยวิธีการพูดหว่านล้อมต่างๆ นานา จนเหยื่อหลงเชื่อ โดยส่วนใหญ่ก็กำลังถูกตรวจสอบความเกี่ยวพันกับการทุจริตที่เกิดขึ้นในหน่วยงานของตนเองอยู่แล้ว ยิ่งเป็นช่องโหว่ให้ผู้ต้องหาหลงเชื่ออย่างสนิทใจและยินยอมทำตาม ก่อนที่เรื่องจะแดงขึ้นดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสอง รับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุจริง จึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.รับไว้ดำเนินคดีและขยายผลการจับกุมต่อไป เนื่องจากตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนเชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมกระทำความผิดเพิ่มเติม รวมทั้งน่าจะยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติ นายแก้ว พบว่า ยังมีหมายจับติดตัวอยู่อีกหลายหมาย อาทิ หมายจับศาลจังหวัดนางรอง ที่ จ 144/2559 ลงวันที่ 5 กันยายน 2559 ข้อหาแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำตนเป็นเจ้าพนักงานโดยมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น และหมิ่นประมาท , หมายจับศาลจังหวัดวิเชียรบุรี ที่ จ 48/2559 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 ข้อหาหมิ่นประมาท แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น เรียก รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นการตอบแทนในการจูงใจเจ้าพนักงานโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย และพยายามกรรโชกทรัพย์
หมายจับศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ที่ 184/2559 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2559 ข้อหาร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นการตอบแทน จูงใจเจ้าพนักงานให้กระทำหรือไม่กระทำการในหน้าที่ เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด , ข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมหรือยอมจะให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินผู้ถูกขู่เข็ญ หรือบุคคลที่ 3 และหมิ่นประมาท
หมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ 152/2561 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2561 ข้อหาปลอมเอกสารราชการ และหมิ่นประมาท , หมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 276/2559 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2559 ข้อหาเรียก รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นการตอบแทนในการจูงใจเจ้าพนักงานโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมายหรือโดยอิทธิพลของตน ให้กระทำหรือไม่กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณหรือโทษแก่บุคคลใด ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่ 3 โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และกรรโชกทรัพย์ และหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ 281/2561 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2561 ข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น
ขณะที่ นางอรุณรัตน์ มีหมายจับติดตัวคือ หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 98 และ 99/2561 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี