ดีเดย์ลอตแรก
กค.สกัดน้ำมันกัญชา2.5พันขวด
พร้อมใช้รักษา4โรค
เฟส2ปลูกเพิ่ม6เท่า
คืบหน้าปลูกกัญชามาตรฐานเกรดการแพทย์ออกดอกเต็มที่ พร้อมสกัดน้ำมันหยดใต้ลิ้น 2.5 พันขวด ขวดละ 5 ซีซี ได้กรกฎาคมนี้ พร้อมทดลองใช้ในผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคที่มีข้อบ่งชี้อภ.ยันไม่ผูกขาด-ราคาไม่แพง เผยเฟส2ขายพื้นที่ปลูกเพิ่ม6เท่า ปรับปรุงสายพันธุ์ให้ได้มาตรฐาน ก่อนถ่ายทอดวิสาหกิจชุมชนสานต่อ
เมื่อวันที่ 16พฤษภาคม ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม กล่าวในงานแถลงข่าวความคืบหน้าโครงการผลิตสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์ “กัญชาเมดิคัลเกรด ออกดอกแล้ว”ว่า ขณะนี้ต้นกัญชามาตรฐานเกรดทางการแพทย์ของ อภ.ที่ปลูกไปเมื่อวันที่ 27กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 140 ต้นนั้น ทั้งหมดเจริญเติบโต เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติด้านการเพาะปลูกที่ดี และเริ่มออกดอกแล้ว ร้อยละ 98 เป็นตัวเมีย คาดว่าอีกประมาณ 10-12 สัปดาห์ หรือประมาณต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ดอกจะโตเต็มที่สามารถนำไปผลิตน้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้นได้ ประมาณ 2,500 ขวด ขวดละ 5 ซีซี และจะนำไปใช้วิจัยทดสอบทางคลินิกกับผู้ป่วยที่สมัครเข้าร่วมโครงการกับกรมการแพทย์ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ที่กำหนดโปรโตคอล หรือข้อกำหนดร่วมกันในการดำเนินการวิจัยในกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง และมีการขออนุญาตคณะกรรมการจริยธรรมวิจัยในคนเรียบร้อยแล้ว
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.อภ.กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนสำคัญที่จะนำมาผลิตน้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้นคือ ดอก เมื่อโตเต็มที่จะเก็บมาทำให้แห้ง และสกัดด้วยเอทานอล โดยใช้เทคนิคเฉพาะ ระเหยเอทานอลหมดจนเหลือเป็นน้ำมัน หลังจากนั้นก็นำมาเจือจางผลิตเป็นน้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้นที่ทราบความเข้มข้นของสารสกัด THC และ CBD เพื่อให้แพทย์คำนวณโดสที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนได้ เนื่องจากร่างกายผู้ป่วยแต่ละคนไม่เหมือนกัน โรคประจำตัว โรคที่จะรักษา ก็จะใช้ปริมาณสารสกัดที่แตกต่างกัน รวมถึงยาอื่นที่ใช้อยู่แล้วล้วนมีผลต่อการคำนวณปริมาณกัญชาให้ผู้ป่วยทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้ที่จะจ่ายสารกัดน้ำมันกัญชาได้ต้องเป็นแพทย์และเภสัชกรที่ผ่านการอบรมการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ท่านั้น โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นผู้ควบคุมการการจ่ายยา คล้ายกับการจ่ายมอร์ฟีน
“การใช้สารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์จะมีคณะทำงานวางระบบการศึกษาวิจัยทางการแพทย์เป็นผู้ติดตาม เบื้องต้นผู้ที่จะใช้สารสกัดน้ำมันกัญชาได้ จะดูจากผู้ป่วยที่มีข้อบ่งใช้ชัดเจนใน 4 กลุ่มโรคก่อน อาทิ กลุ่มโรคลมชัก อาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด บรรเทาอาการปวด ปอกปลายประสาทอักเสบ และ การรักษามะเร็งระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง ซึ่งวันที่ 21 พฤษภาคมนี้จะหารือกับกรมการแพทย์ถึงความชัดเจนเรื่องนี้” นพ.วิฑูรย์กล่าว
และว่า ส่วนเฟส2 จะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นอีก 6 เท่า ซึ่งจะปลูกได้ภายในต้นปี 2563 ที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และเฟสที่ 3 จะเป็นการปลูกขนาดใหญ่ที่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี แต่จะไม่ใช่การผูกขาดแน่นอน เพราะขณะนี้มีหลายแห่งที่ขออนุญาตปลูก เพื่อการวิจัยทางการแพทย์บ้างแล้ว ทั้งนี้ ขอย้ำว่ากัญชาไม่ใช่ทางเลือกหลักในการรักษาโรค เพราะการรักษาต้องขึ้นอยู่กับแพทย์แผนปัจจุบันก่อน
นพ.วิฑูรย์กล่าวต่อว่า ในอนาคต ถ้าอภ.จะจำหน่ายสารสกัดน้ำมันกัญชานั้น อยากให้มั่นใจว่าราคาจะไม่สูงแน่นอน เพราะเท่าที่ทราบ ขณะนี้ในกลุ่มใต้ดินและในต่างประเทศ มีการจำหน่ายในราคาซีซีละประมาณ 100-200 บาท ดังนั้น ของ อภ.จะจำหน่ายในราคาไม่สูงไปกว่านี้ แต่ยังไม่ได้คำนวณเรื่องราคาที่ชัดเจน เพราะนโยบายหลักของเราคือ มุ่งเน้นให้ผู้ป่วยเข้าถึงยา และวิจัยทางการแพทย์เป็นหลัก
ด้านรศ.ดร.วิเชียร กีรตินิจกาล ผู้เชี่ยวชาญด้านเพาะปลูกและปรับปรุงสายพันธุ์พืช มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)กล่าวว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าเราทำเป็นยา จึงต้องทำให้มีมาตรฐานทั้งปริมาณสารสำคัญที่เหมาะสมเท่ากันทุกต้น จึงต้องดูแลควบคุมอย่างเข้มข้น ไม่ใช้สารเคมีเด็ดขาด ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาสายพันธุ์ไทยให้ควบคุมปริมาณสารสำคัญได้ และอยู่ระหว่างศึกษาการปลูกในโรงเรือน และการปลูกกลางแจ้งที่มีมาตรฐานเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเมืองไทยก่อนถ่ายทอดให้วิสาหกิจชุมชนปลูกกัญชามาตรฐานต่อไป
“ยืนยันเราไม่ได้จะผูกขาด มีเป้าหมายอยากให้วิสาหกิจชุมชนมาร่วมทำอยู่แล้ว แต่การไปถึงตรงนั้นได้เราต้องมั่นใจ และมีโมเดลชัดเจน เพราะกัญชาเป็นพืชอ่อนไหว สามารถดูดซับสารเคมี และโลหะหนักได้ง่ายมาก ขนาดเราควบคุมการปลูกดียังพบโรคที่ไม่เคยพบมาก่อนในโลก แต่ตอนนี้แก้ไขได้แล้ว อีกเรื่องที่สำคัญตอนนี้หลายประเทศเริ่มส่งเสริมคนในประเทศปลูกกัญชามากขึ้นทำให้ราคาสารซีบีดีที่ได้จากกัญชาในท้องตลาดลดลงจากกิโลกรัมละ 1 ล้านบาท เหลือ 5 แสนบาท”รศ.ดร.วิเชียรกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี