“ปศุสัตว์ ชลบุรี สนธิกำลังทหารกองเรือสัตหีบ -ตำรวจ บุกจับโรงฆ่าสัตว์เถื่อน ยึดของกลางซากหมู33ตัว อุปกรณ์การฆ่าจำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า2.4แสนบาท แจ้งความดำเนินคดีหลายข้อหาหนัก ยังเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคร้าย”
17 พ.ค.นายสรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่ากรมปศุสัตว์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เข้าตรวจจับการประกอบกิจการฆ่าสัตว์โดยผิดกฎหมายในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ จากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชลบุรี สำนักงานปศุสัตว์เขต 2 กองสารวัตรและกักกัน ด่านกักกันสัตว์ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และจันทรบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจากกองรักษาความปลอดภัยฐานทัพเรือสัตหีบ เจ้าหน้าทีตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรสัตหีบ เข้าตรวจค้นสถานที่ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการฆ่าสัตว์ ในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พบการกระทำความผิดมีการประกอบกิจการฆ่าสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจึงได้ทำการเข้าจับกุมพร้อมยึดของกลางเป็นซากสัตว์ และวัสดุอุปกรณ์ในการฆ่าสัตว์จำนวนมาก
ตามที่ได้รับร้องเรียนว่ามีการประกอบกิจการฆ่าสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตผลการตรวจค้นพบว่ามีการกระทำความผิด จึงได้จับกุมผู้กระทำความผิด พร้อมยึดของกลางเป็นซากสุกรชำแหละจำนวน 33 ตัวนำหนักประมาณ 3,300 กิโลกรัม และอุปกรณ์ที่ใช้ในการฆ่า จำนวน 20 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 247,500 บาท เพื่อส่งดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยแจ้งข้อกล่าวหา ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 โดยทำการประกอบกิจการฆ่าสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องโทษตามมาตรา 56 ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และไม่ปฏิบัติตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 โดยทำการฆ่าสัตว์โดยมิได้แจ้งจำนวนสัตว์ที่จะฆ่า แหล่งที่มาของสัตว์ที่จะฆ่า วัน เวลาที่จะฆ่าสัตว์ และชื่อของโรงฆ่าสัตว์ ต้องโทษตามมาตรา 60 ระวางโทษปรับเรียงตามรายตัวของสัตว์ ดังต่อไปนี้
(1) โคหรือกระบือ ตัวละไม่เกินห้าหมื่นบาท
(2) แพะ แกะ สุกร หรือนกกระจอกเทศตัวละไม่เกินสองหมื่นบาท
(3) ไก่ เป็ด ห่าน ตัวละไม่เกินหนึ่งพันบาท
(4) สัตว์อื่น ตัวละไม่เกินสองหมื่นบาท
- ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 โดยทำการฆ่าสัตว์นอกโรงฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ ต้องโทษตามมาตรา 63 ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การดำเนินการเข้าตรวจค้นจับกุมการประกอบกิจการฆ่าสัตว์โดยผิดกฎหมายครั้งนี้ เป็นนโยบายสำคัญของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก เนื่องจากเนื้อสัตว์ที่ได้จากการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ที่ไม่ได้รับอนุญาต จะไม่มีการตรวจสอบใดๆ ไม่ทราบแหล่งที่มาของสัตว์ และผ่านกระบวนการฆ่าสัตว์ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้เนื้อสัตว์ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค มีความเสี่ยงในการนำเชื้อโรคระบาดติดต่อไปยังผู้บริโภคได้ เช่น โรคท้องร่วงที่เกิดจากเชื้อซัลโมเนลล่า (salmonellosis) โรคพยาธิในระบบทางเดินอาหาร หรืออันตรายจากสารตกค้าง เช่น สารเร่งเนื้อแดง ฮอร์โมนและยาปฏิชีวนะ เป็นต้น ส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคและอาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ นอกจากนี้การไม่ทราบแหล่งที่มาของสัตว์ที่นำมาฆ่า อาจเป็นสาเหตุการแพร่กระจายของเชื้อโรคระบากสัตว์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไข้หวัดนก (Avian Influenza : AI)
กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการปราบปรามการประกอบกิจการฆ่าสัตว์โดยผิดกฎหมายทั่วประเทศ เพื่อยกระดับให้โรงฆ่าสัตว์มีมาตรฐานเดียวกัน สร้างความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค
ท้ายที่สุดนี้ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการร้องเรียนผู้กระทำความผิดกฎหมาย สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทุกจังหวัด หรือต้องการร้องเรียนผู้กระทำผิดกฎหมาย ติดต่อกองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์โทรศัพท์ 0-2501-3473-5
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี