ไก่แจ้สายพันธุ์ไทยและสายพันธุ์ญี่ปุ่น ไก่โต้ง ไก่ชน เหล่านี้ ดูลักษณะเหมือนกับมีชีวิตที่กำลังขยายปีก ขยายหาง ทั้งหางตั้งที่บ่งบอกถึงไก่แจ้สายพันธุ์ญี่ปุ่น ส่วนหางโง้งลงเป็นสายพันธุ์ไทย ทั้งตัวผู้และตัวเมียที่มีสีสันสวยงาม เป็นผลงานการประดิษฐ์ของ ปู่วัย 93 ปี ชาวตำบลโคกหม้อ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี อดีตช่างปั่นและเขียนลายโอ่งมังกร แห่งลุ่มแม่น้ำแม่กลอง เมืองราชบุรี หรือรุ่นบุกเบิกความรุ่งเรืองของโอ่งมังกรราชบุรี ก่อนจะยอมถอยอำลาอาชีพที่ทำมาชั่วทั้งชีวิตที่ยาวนานกว่า 74 ปี ด้วยความถดถอยของสังขารตัวเอง ได้วางดินปั้นโอ่งและเขียนลาย มังกรบนโอ่ง กลับมาอยู่บ้านกลับครอบครัว เปิดร้านขายของชำและใช้เวลาว่างนำขวดโพลาลิสพลาสติกที่เหลือใช้มาแปรรูปให้เป็นไก่แจ้และไก่ชน ที่หลายๆ คนเห็นแล้วต้องยิ้ม เพราะเสมือนไก่ของคุณปู่ทุกตัวมีชีวิต จากการตัดการประดิษฐ์ที่คุณปู่ได้ใส่ใจลงไปทุกขุมขน เก็บทุกรายละเอียด ทั้งสรีระทรวดทรงที่อ่อนไหวสมจริง นับเป็นภูมิปัญญาของความเป็นไทยที่ควรคู่แก่การอนุรักษ์ไว้ เพราะห่างถึงวันที่คุณปู่ต้องลาลับกลับไม่มีใครมาสืบทอดก็จะสูญไปเหลือไว้แต่ความทรงจำ
ที่บริเวณหน้าบ้านซึ่งอดีตเคยเป็นร้านค้าขายของชำและก๋วยเตี๋ยว เมื่อประมาณ 15 ปีก่อน ปัจจุบันเป็นที่รวมตัวพบปะกันของเพื่อนฝูงที่มีอายุราวคราวเดียวกัน 85-93 ปี ที่เหลืออยู่เพียง 3-4 คน โดยเฉพาะคุณปู่สมบัติ ปุยอ๊อก อายุ 93 ปี ที่มีอายุมากที่สุดเป็นเจ้าของบ้าน และเป็นเจ้าของผลงาน “ไก่แจ้และไก่ชน” ที่ประดิษฐ์มาจากขวดพลาสติกเหลือใช้ มาวางจำหน่ายให้กับผู้ที่ชื่นชอบนำไปเป็นที่ระลึก ของประดับตกแต่งบ้าน และไก่สำหรับแก้บน
คุณปู่สมบัติ ปุยอ๊อก เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ไก่แจ้และไก่ชนทั้งหมดเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ทำมาจากขวดน้ำโพลาลิสพลาสติกที่เหลือใช้ โดยก่อนที่จะมาทำเดิมเป็นชาวกรุงเทพมหานคร อยู่ย่านฝั่งธนฯ และย้ายถิ่นฐานตามพ่อและแม่มาด้วยการล่องเรือตามแม่น้ำ จนกลายเป็นคนราชบุรี และเป็นลูกคนโตจากพี่น้อง 8 คน และเรียนจนเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดช่องลม ราชบุรี จากนั้นก็มาช่วยครอบครัวทำงานหาเงิน ซึ่งพ่อจะเป็นช่างตัดผม ส่วนแม่ขายข้าวเหนียวปิ้งที่ตึกริมเขื่อนแม่น้ำแม่กลอง เขตเทศบาลเมืองราชบุรี ในขณะช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีเหตุการณ์ฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดทำลายสะพานจุฬาลงกรณ์ พ.ศ.2484 ในขณะนั้นตนมีอายุเพียง 14 ปี หลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 จากนั้นได้สมัครเข้าไปเป็นคนงานของโรงโอ่ง ในขณะนั้นอายุเพียง 19 ปี ทำงานทุกอย่างจนเกิดความสามารถเป็นช่างปั้นโอ่ง และมาเป็นช่างเขียนลายมังกรบนโอ่ง จนอายุได้ 73 ปี จึงตัดสินใจลาออกจากโรงโอ่ง มาเปิดร้านขายของชำอยู่ที่บ้าน ภรรยาจะขายก๋วยเตี๋ยวกับลูก ส่วนตนก็ช่วยงาน ขายของเล็กๆ น้อยๆ ส่วนใหญ่น้ำขวดโพลาลิสพลาสติกสีขาวขุ่นขายดีมาก
มาวันหนึ่งเห็นขวดเหล่านี้ที่ลูกค้าทิ้งจึงนำมาลองดัดแปลงแกะเป็นรูปสัตว์ โมบายปลาตะเพียน จนวันหนึ่งนั่งดูทีวี เห็นไก่แจ้มีรูปร่างสวยจึงได้ถ่ายภาพเก็บเอาไว้ จนได้มาเห็นหนังสือที่มีภาพของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9” ร่วมฉายพระบรมรูปกับไก่ทรงเลี้ยง ครอบครัวไก่แจ้สายพันธุ์ไทย ตนจึงตัดเก็บเอาไว้ และนำมาเป็นแบบเพื่อดูลักษณะรูปร่าง สีของไก่ ก่อนจะนำมาลองผิดลองถูกในการขึ้นรูปของไก่แจ้ ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน จึงทำสำเร็จ ด้วยขั้นตอนที่ไม่ยากมากนักใช้ทักษะของความเป็นช่าง การปั้นโอ่ง และการถอดแบบเขียนลาย จนได้ครอบครัวไก่แจ้ทรงเลี้ยง จากนั้นก็ทำเรื่อยมาจนเกิดความชำนาญ จนถึงปัจจุบันรวมแล้วกว่า 15 ปี นอกจากนี้ยังเคยเข้าประกวดสิ่งประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้ระดับประชาชนทั่วไป ในโครงการประกวดสิ่งประดิษฐ์สร้างสรรค์จากวัสดุเหลือใช้ จ.ราชบุรี พ.ศ.2554 ของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดราชบุรี ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2554 จากนายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ในสมัยนั้น
คุณปู่สมบัติ เผยขั้นตอนการทำว่า รูปแบบไม่ยุ่งยากแต่ก็ไม่ง่ายมากนักต้องใช้ความอดทนและใจเย็น และที่สำคัญต้องใส่หัวใจลงไปเพื่อให้ไก่มีชีวิตเหมือนจริง ขั้นตอนแรกเราจะต้องเตรียมรูปแบบไก่ที่เราต้องประดิษฐ์ จากนั้นจะนำขวดน้ำโพลาลิสพลาสติกที่มีสีขาวขุ่นมาล้างให้สะอาด นำมาตัดเพื่อขึ้นโครงของลำตัวไก่ ส่วนการยึดจะใช้เครื่องบัดกรีหัวแหลม เป็นตัวเชื่อมเท่านั้น ไม่ใช้กาว หรือนอตยึดแต่อย่างไร เมื่อเราได้โครงสร้างของลำตัวไก่แล้ว จากนั้นก็ตัดเป็นชิ้นๆ เพื่อนำมาตัดเป็นขนและขึ้นรูปปีก และเชื้อด้วยเครื่องบัดกรีหัวแหลม เมื่อเราได้ลำตัวและช่วงหางแล้วจะมาขึ้นหัวของไก่ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดต้องทำด้วยความประณีตถึงจะออกมาสวยสมจริง เมื่อทุกอย่างประกอบเป็นรูปร่างของไก่อย่างสมบูรณ์แล้ว จะนำมาลงสีน้ำมัน เพื่อให้เกิดความสมจริง ติดลูกตา แต้มสีส่วนต่างๆ ตามรูปแบบของจริง ก่อนจะนำไปตากแห้งเพื่อให้สีที่ทางแห้งสนิทไม่เลอะมือ ส่วนเวลาทำรวมแล้วประมาณ 3-4 วันต่อตัว
คุณปู่ยังเผยถึงความประทับใจอีกว่า เมื่อปี 2560 ทางเทศบาลตำบลหลักเมืองได้นำไก่ที่ประดิษฐ์จากขวดน้ำโพลาลิสพลาสติกของตน ไปออกงานแสดงโชว์สินค้าภูมิปัญญาพื้นบ้านที่เมืองทองธานี สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานพร้อมเสด็จฯเยี่ยมตามบูธต่างๆ เมื่อมาถึงที่บูธของตนเอง ทรงชื่นชมผลงานและรับสั่งให้ทางเทศบาลได้ให้ตนเองเข้าเฝ้าฯ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ แต่เป็นสิ่งที่ตนเองเสียใจที่สุดเนื่องจากสภาพร่างกายตนเองไม่พร้อมจึงไม่สามารถเดินทางเข้าเฝ้าฯรับเสด็จถวายรายงานได้ จึงได้ฝากไก่แจ้ จำนวน 1 คู่ ที่นำแบบมาจากไก่ทรงเลี้ยงของสมเด็จพระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง ฝากเจ้าหน้าที่ของเทศบาลเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายแทนเป็นเหตุการณ์ที่ตนเองไม่เคยลืมเลือน
ส่วนราคา ไก่ตัวเล็ก ตัวละ 300 บาท ตัวใหญ่ ราคาตัวละ 450 บาท และหากเป็นไก่ที่สั่งทำ เช่น ไก่ป่า ถ้าตัวใหญ่ราคาก็จะอยู่ที่ 1,200 บาท ไก่นี้คุณปู่บอกว่าทนแดดทนฝน เพราะใช้สีน้ำมันระบาย นอกจากจะมีไก่แล้วยังมีโมบายปลาตะเพียนชุดละ 100 บาท หรือลูกค้าอยากได้หมีแพนด้า หรือสัตว์ที่ตนเองชอบ อาทิ นกแก้ว ไก่ฟ้า หรือ ตามราศี อาทิ ลิง เสือ วัว ก็สามารถทำได้หมดเพียงขอมีแบบมาและให้เวลาตนในการทำ เพื่อให้ได้ผลงานออกมาดีที่สุดและสวยเสมือนจริง
สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะไปอุดหนุนไก่แจ้และไก่ชนของคุณปู่มาได้ที่บ้านอยู่ติดกับวัดโคกหม้อ หมู่ที่ 3 ตำบลโคกหม้อ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เปิดทุกวัน โทร.สอบถามได้ที่หมายเลข 08-8671-6435 หรือผู้ที่มีขวดน้ำโพลาลิสพลาสติกที่มีสีขาวขุ่น เหลือใช้สามารถนำมาให้กับตนได้ เพื่อที่จะนำไปให้คุณปู่ประดิษฐ์ต่อไปเนื่องจากปัจจุบันขวดน้ำโพลาลิสพลาสติกดังกล่าวหายากแล้ว และอยากให้สิ่งประดิษฐ์นี้อยู่คู่สังคมไทยต่อไป
สิริมงคล ไกรวงศ์วิชญ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี