เรื่องของทุเรียนถือว่าเป็นผลไม้ที่มีความสำคัญของประเทศไทย รสชาติของทุเรียนไทยมีความโดดเด่นกว่าทุเรียนของชาติอื่นมาก ทุเรียนจึงเป็นผลไม้ส่งออกที่มีมูลค่ากว่า 35,333 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมาก แต่ปัจจุบันการปลูกทุเรียนยังมีกระจัดกระจายในหลายจังหวัดทั่วประเทศ การซื้อขายต่างๆ โดยเฉพาะการส่งออกก็ยังไม่มีองค์กรหรือมาตรการในการตรวจสอบและร่วมมือกันในการจัดการคุณภาพทุเรียนก่อนการส่งออก จึงมักจะได้ยินเรื่องปัญหาทุเรียนอ่อนอยู่เป็นระยะ ในขณะเดียวกันบ้านเราก็ยังมีเกษตรกรที่มีองค์ความรู้และสามารถเป็นต้นแบบที่ดีให้กับชาวสวนทุเรียนอื่นๆ ได้ ดังนั้น หากมีองค์กรที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการด้านการผลิต ด้านคุณภาพและการตลาด โดยที่เป็นองค์กรของเกษตรกรชาวสวนทุเรียนเองก็จะช่วยให้การผลิตทุเรียนของไทยมีความสมดุลและเข้มแข็ง
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร จึงเชิญตัวแทนภาคเกษตรกรชาวสวนทุเรียนจากทุกภาคของประเทศไทยเข้าร่วมหารือ เพื่อหาแนวทางเตรียมการจัดตั้งสมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทย เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรชาวสวนทุเรียน โดยมีเกษตรกรแปลงใหญ่ทุเรียนใน 22 จังหวัด เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร อ.ปลวกแดง จ.ระยองซึ่งอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรได้ชี้แจงทำความเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ แนวทางการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวสวนทุเรียนไทย ที่ปัจจุบันประมาณ 80% ตลาดส่งออกไปยังจีนกำลังได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดและการกีดกันทางการค้า พร้อมรับฟังสถานการณ์การผลิตการตลาดและแปลงใหญ่ทุเรียนในภาพรวม พร้อมกันนี้ ได้เชิญนายมานพ แก้ววงษ์นุกูล และนายมนตรี ศรีนิล จากสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย ซึ่งเป็นสมาคม ที่เน้นการรวมกลุ่มสร้างเครือข่ายและการผลิตมะม่วงให้มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน มาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อการสร้างความเข้มแข็งองค์กรเกษตรกรด้วย สำหรับแนวทางการสร้างความเข้มแข็งองค์กรเกษตรกรเพื่อการพัฒนาและบริหารจัดการทุเรียนระดับประเทศนั้น มีแนวทางที่เริ่มจากการจัดตั้งสมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทยโดยคัดเลือกจากตัวแทนแปลงใหญ่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับเขต ในการคัดเลือกคณะกรรมการระดับประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น วางแผนพัฒนาการผลิตการตลาดร่วมกัน และเมื่อมีความเข้มแข็งแล้วจึงค่อยยกระดับเป็นสมาคมชาวสวนทุเรียนไทยต่อไป ซึ่งในที่ประชุม ตัวแทนภาคเกษตรกรส่วนใหญ่ให้การตอบรับดี
กรมประมง..เปิดสนามประลองฝีมือเยาวชนไทย ประกวดวาดภาพ “ปลากัดไทย (Siamese Fighting Fish) สัตว์น้ำประจำชาติ โดยเชิญชวนเยาวชนไทยที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น ส่งผลงานภาพวาดเข้าประกวด ในหัวข้อ “ปลากัดไทย (Siamese Fighting Fish) สัตว์น้ำประจำชาติ” โดยแบ่งการประกวดออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น 1–3, 2. นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย 4–6 และ 3. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 1–3 โดยกรมประมงจะนำภาพที่ได้รางวัลนำไปจัดแสดงภายในงานวันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 9 กรกฎาคม 2562 ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค จังหวัดปทุมธานี 5. ประกาศผลการตัดสินการประกวด วันที่ 26 มิถุนายน 2562 ทาง www.fisheries.go.th และ www.facebook.com/กลุ่มเทคโนโลยีโสตทัศนูปกรณ์และสื่อสิ่งพิมพ์
โดยผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศทุกประเภท จะได้เข้ารับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ในงานวันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 31 พร้อมเงินรางวัล จำนวน 15,000 บาท / รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 จำนวน 5,000 บาท / รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 จำนวน 4,000 บาท และรางวัลชมเชย 2,000 บาท จำนวน 3 รางวัล ทั้งนี้ ผู้เข้าประกวดต้องกรอกรายละเอียดในใบสมัครให้ครบถ้วน โดยสามารถ Download ใบสมัครได้ที่ กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ www.fisheries.go.th หรือส่งผลงานได้ด้วยตนเอง หรือ ส่งทางไปรษณีย์ ได้ที่ กรมประมง สำนักงานเลขานุการกรม ชั้น 1 อาคารจุฬาภรณ์ (วงเล็บมุมซอง : กลุ่มเทคโนโลยีโสตทัศนูปกรณ์และสื่อสิ่งพิมพ์) โดยเปิดรับผลงานตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม – 15 มิถุนายน 2562 (ถือวันประทับตราไปรษณีย์เป็นสำคัญ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2579-8975 ในวันและเวลาราชการ…น้องๆ ที่มีฝีมือด้านวาดภาพลองสมัครเข้าประชันฝีมือกันนะครับ...
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี