ขยายผลทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ญี่ปุ่น เหยื่อนับร้อย เสียหาย200ล้านเยน
22 พ.ค.62 พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย , พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย , พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ , พล.ต.ต.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.ภ.7 รรท.รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 แถลงผลการจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์รายสำคัญ
พล.ต.ท.สมพงษ์ ระบุว่า ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้ดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนโดย แสดงตนเป็นบุคคลอื่น หรือกลุ่มแก๊งคอลเซนเตอร์ มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนทั่วไปและมีผู้หลงเชื่อจนเป็น เหตุให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 มี.ค.62 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 (กก.สส.บก.ตม.3) นำโดย พ.ต.อ.รัทชพงษ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 และ ตม.จว.ชลบุรี นำโดย พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ขอหมายศาลแขวงพัทยาเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง พบคนต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่น 15 คน นั่งทำงานอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว พร้อมอุปกรณ์ในลักษณะของกลุ่มคอลเซนเตอร์ เช่น ไอพีโฟน เครื่องขยายสัญญาณอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เอกสารข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น และบทสนทนาสำหรับหลอกลวงเหยื่อ เป็นต้น จึงได้จับกุมดำเนินคดีในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
สำหรับแผนประทุษกรรม กล่าวคือเมื่อช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.62 กลุ่มชาวญี่ปุ่นทั้ง 15 คน ได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยด้วยวีซ่าท่องเที่ยวเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านดังกล่าว แล้วส่งใบแจ้งหนี้บริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นปลอม หรือหมายศาลปลอมไปหลอกลวงผู้เสียหายที่กลุ่มผู้ต้องหามีข้อมูลส่วนตัวอยู่แล้ว ทั้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ อีเมล์แอดเดรส เป็นต้น เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าตนเคยสมัครใช้งานบริการทางอินเตอร์เน็ตแล้วค้างชำระค่าบริการ จะต้องรีบชำระค่าบริการเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี หรือเพื่อให้มีส่วนลดค่าบริการ
เมื่อผู้เสียหายติดต่อกับกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งมีการจัดระบบไอพีโฟนในประเทศไทย เพื่อให้เชื่อว่าเป็นตัวแทนบริษัทเจ้าหนี้ซึ่งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น แล้วหลอกผู้เสียหายให้ไปซื้อบัตรเติมเงินอิเลกทรอนิกส์ (e-money) ที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน แล้วหลอกให้ผู้เสียหายส่งรหัสบัตรเติมเงินดังกล่าวให้กลุ่มผู้ต้องแล้วโอนเงินออกจากบัตรทันที
สำหรับการแถลงผลการดำเนินการในครั้งนี้ สืบเนื่องจากทางการญี่ปุ่น โดยผู้แทนสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้เข้าขอบคุณ พล.ต.ท.สมพงษ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากหลังจากการจับกุมดังกล่าวทางการญี่ปุ่นได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาประสานข้อมูลการจับกุม เพื่อนำไปขยายผลต่อในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ทราบว่ามีผู้เสียหายซึ่งถูกหลอกลวงจากผู้ต้องหากลุ่มนี้ไม่ต่ำกว่า 200 ราย ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 200 ล้านเยน ซึ่งศาลแขวงนครโตเกียวได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 15 รายดังกล่าวในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนการส่งกลับคนต่างด้าวต่อไป
ทั้งนี้ การแถลงผลการดำเนินการในครั้งนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย มุ่งหวังให้ประชาชนโดยทั่วไปทั้งไทยและญี่ปุ่นทราบ และรู้เท่าทันถึงพฤติการณ์ของคนร้ายกลุ่มดังกล่าวซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของกลุ่มคอลเซนเตอร์ ซึ่งอาจมีผู้ถูกหลอกลวงได้ทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น เพื่อไม่ให้ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ หลงเชื่อและเกิดความเสียหายขึ้นได้
# ขอบคุณข้อมูล-ภาพ : พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.อก.สตม.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี