รวบ 15 ผู้ต้องหา แก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ชาวญี่ปุ่น หลังปักหลักในไทยใช้เป็นฐานหลอกลวงเพื่อนร่วมชาติกว่า 200 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 70 ล้านบาท จะส่งตัวทั้งหมดกลับไปดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงที่ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม เวลา 11.30 น. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รรท. ผบช.สตม., พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รองผบช.สตม., พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย รองผบช.สตม., พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม3 ซึ่งมีตัวแทนจากสถานเอกอักคราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และตำรวจ สตม. ร่วมแถลงข่าวการส่งตัวผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ชาวญี่ปุ่น จำนวน 15 คน ที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นให้โอนเงินมาให้ สร้างความเสียหายกว่า 200 ล้านเยนหรือประมาณกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งมีผู้เสียหายเป็นชาวญี่ปุ่นกว่า 200 คน
พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่าสำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ ตำรวจไทยได้ทำตามแผนการตรวจคนเข้าเมือง เพื่อกวาดล้างบุคคลต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาประกอบอาชีพในไทยอย่างผิดกฎหมายโดยผู้แจ้งเป็นเจ้าจองที่พักที่เห็นพฤติกรรมผิดปกติจึงได้แจ้งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ตรวจสอบ จนพบว่าชาวญี่ปุ่นทั้ง 15รายตั้งเป็น”แก๊งคอลเซ็นเตอร์”
ด้าน พล.ต.ต.อาชยน กล่าวต่อว่าเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ขอหมายศาลแขวงพัทยา เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 78/219 หมู่บ้านสยามรอยัลวิลล์ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรีพบคนต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่นทั้ง 15คนนั่งทำงานอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว พร้อมอุปกรณ์ในลักษณะของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ เช่น ไอพีโฟน เครื่องขยายสัญญาณอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เอกสารข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นและบทสนทนาสำหรับหลอกลวงเหยื่อ เป็นต้น
ภายหลังจากการจับกุมดังกล่าว ทางการญี่ปุ่น ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาประสานข้อมูลการจับกุม เพื่อนำไปขยายผลต่อในประเทศญี่ปุ่นทำให้ทราบว่ามีผู้เสียหาย ซึ่งถูกหลอกลวงจากผู้ต้องหา กลุ่มนี้ไม่ต่ำกว่า 200 ราย ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 200 ล้านเยน ซึ่งศาลแขวงนครโตเกียวได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 15 รายในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง”
พล.ต.ต.อาชยน กล่าวต่อว่า แก๊งดังกล่าวได้ใช้วิธีการข่มขู่ผู้เสียหายที่เคยซื้อข้อมูลจากดาร์คเว็บของญี่ปุ่น หรือมีหมายศาลปลอมส่งผ่านอีเมล์ให้ผู้เสียหายกลัวและหลงเชื่อ โดยการโอนเงินจะให้ผู้เสียหายซื้อบัตรอีมันนี่ที่ร้านสะดวกซื้อและส่งรหัสให้กับผู้ต้องหา และหากพบว่าเหยื่ออยู่บ้านเพียงลำพัง ก็จะส่งเครือข่ายชาวญี่ปุ่นไปปล้นที่บ้านพัก และฆาตกรรมเจ้าทรัพย์ ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ถือว่าได้ตัวการ 1-2 คน
จากการสืบสวนทราบว่า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์–มีนาคม 2562 กลุ่มชาวญี่ปุ่น ทั้ง 15 คน ได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยด้วยวีซ่าท่องเที่ยวเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านดังกล่าว แล้วส่งใบแจ้งหนี้บริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นปลอม หรือหมายศาลปลอมไปหลอกลวงผู้เสียหายที่มีข้อมูลส่วนตัวอยู่แล้ว ทั้งชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ อีเมล์แอดเดรส เป็นต้น เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าตนเคยสมัครใช้งานบริการทางอินเตอร์เน็ตแล้ว ค้างชำระค่าบริการ จะต้องรีบชำระค่าบริการ เพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี หรือเพื่อให้มีส่วนลดค่าบริการ
โดยเมื่อผู้เสียหายติดต่อกับกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งมีการจัดระบบไอพีโฟนในประเทศไทย เพื่อให้เชื่อว่าเป็นตัวแทนบริษัทเจ้าหนี้ซึ่ง อยู่ในประเทศญี่ปุ่น แล้วหลอกผู้เสียหายให้ไปซื้อบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน แล้วหลอกให้ผู้เสียหายส่งรหัสบัตรเติมเงินดังกล่าวให้กลุ่มผู้ต้องแล้วโอนเงินออกจากบัตรทันที
สำหรับกลุ่มผู้ต้องหา ทั้ง 15 คน จะถูกดำเนินคดีในประเทศ ตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าว ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต”พร้อมขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศ โดยในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ จะทำการส่งกลับทั้ง 15 คน ไปดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง ที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี