ไฟไหม้ระทึก!
คอนเทนเนอร์ท่าเรือแหลมฉบัง
ตรวจพบสารเคมีรั่วไหล
บาดเจ็บอย่างน้อย64ราย
ให้อพยพออกนอกพื้นที่
นายกฯสั่งช่วยเหลือปชช.
ไฟไหม้ตู้คอนเทนเนอร์บนเรือบรรทุกสินค้าที่จอดอยู่บริเวณท่าเรือ L-A2 ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี พบมีสารเคมีไม่ทราบชนิดรั่วไหล การท่าเรือฯ เผยเร่งตรวจสอบสาเหตุ พบต้นเพลิงมาจากเรือสินค้าฮ่องกง มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 64 ราย ประกาศเป็นพื้นที่สีแดง ให้อพยพเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ นายกฯ สั่งเร่งคลี่คลายสถานการณ์ พร้อมดูแลความปลอดภัยประชาชนเต็มที่
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 พฤษภาคม เกิดเหตุตู้คอนเทนเนอร์บนเรือส่งสินค้า KMTC.HONGKONG. ระเบิด ในท่าเรือ L-A2 ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เบื้องต้นมีผู้ได้รับผลกระทบเกือบจำนวนมาก โดยเป็นลูกเรือที่อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว 25 ราย ส่วนที่เหลือยังล้างตัวอยู่บริเวณหน้าท่า มีรถดับเพลิงจากรอบที่เกิดเหตุเข้าช่วยเหลือแล้วกว่า 10 คัน ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
สำหรับการควบคุมเพลิงนั้น ทำได้ยากลำบาก เนื่องจากที่เกิดเหตุอยู่บนเรือ ทัศนวิสัยยากต่อการดับเพลิง และยังพบว่ามีสารเคมีไม่ทราบชนิดรั่วไหลออกมา ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงท่าเรือ โดยสารเคมีดังกล่าวมีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว เตือนหลีกเลี่ยงการสัมผัสและสูดดม หากผู้ถูกสารเคมีจะมีอาการแสบคันตามร่างกาย เบื้องต้นได้มีการประกาศให้เป็นพื้นที่สีแดงแล้ว
ต่อมา เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่า ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว อยู่ระหว่างสอบถามรายละเอียดถึงสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ และสอบถามถึงประเภทของสินค้า โดยมี เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ลงพื้นควบคุมการปฎิบัติงานบริเวณที่เกิดเหตุ
นพ.อภิรัตน์ กตัญญุตานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงเหตุ เพลิงไหม้ดังกล่าวว่า ต้นเพลิงเกิดขึ้นบนเรือสินค้าของบริษัท KMPC Hongkong จากฮ่องกง ซึ่งจอดเทียบท่าเรือ A2 ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานที่แน่ชัดว่า สารเคมีภายในท่าเรือเป็นสารเคมีชนิดใด แต่มีผู้ได้รับผลกระทบและบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้นี้ รวมกว่า 40 คน กระจายรักษาตัวใน 3 โรงพยาบาล ได้แก่ รพ.แหลมฉบัง 10 คน รพ.วิภาราม 10 คน และรพ.สมเด็จ ณ.ศรีราชา 20 คน ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสารเคมี มีอาการแสบเคืองตามร่างกาย ผิวหนัง และดวงตา จึงให้มีการล้างน้ำออกในปริมาณมาก
ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบรอบรัศมีท่าเรือ นั้น เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุ เป็นท่าเรือ แต่รอบรัศมี ออกไปเป็นบ้านเรือนประชาชน และอยู่ใต้ลม ขณะนี้ ทางท้องถิ่น และจังหวัดได้มีการออกประกาศ และอพยพประชาชน บางส่วนให้ออกจากพื้นที่ เนื่องจากเกรงได้รับผลกระทบจากสารเคมี
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานเหตุไฟไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ บนเรือบรรทุกสินค้าบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยได้สั่งการผ่านกระทรวงมหาดไทยไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีให้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือควบคุมเพลิงเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณโดยรอบถึงข้อเท็จจริงและข้อควรปฏิบัติที่ถูกต้อง พร้อมทั้งเร่งหาสาเหตุที่เกิดขึ้นโดยเร็ว
ทั้งนี้ ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)จังหวัดชลบุรี ได้อพยพประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เป็นการชั่วคราวเรียบร้อยแล้ว ส่วนโรงพยาบาลโดยรอบก็เตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อแนะนำแก่ประชาชนในพื้นที่ หากไม่จำเป็นไม่ควรออกจากบ้าน ให้รอการแจ้งข้อมูลที่ถูกต้องจากเจ้าหน้าที่ และหากมีข้อสงสัยว่าตนเองมีอาการผิดปกติจากการสูดดมควันไฟ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
ในเวลาต่อมา มีรายงานว่า ประชาชนในพื้นที่ และชาวบ้านในชุมชนบ้านนา ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยการสูดดมอากาศเข้าไป ทำให้มีอาการแสบคันจมูก และเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ บางรายมีอาการแพ้ จนต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างประทีป ศรีราชา ได้รวบรวมจำนวนของผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด พบว่ามีจำนวน 64 ราย แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี