วันจันทร์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสไปร่วมการประชุมวิชาการประจำปี 2562 ของกรมวิชาการเกษตร ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ ซึ่งการประชุมวิชาการประจำปีเป็นเรื่องจำเป็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยและพัฒนา เพราะเป็นเวทีแสดงผลงานและเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างนักวิชาการด้วยกันเองร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง
ปีนี้กรมวิชาการเกษตรจัดในประเด็น “ปฏิรูปภาคการเกษตรไทย ด้วยงานวิจัยและพัฒนา” นอกจากจะมีการมอบรางวัลให้กับนักวิจัยที่มีผลงานดีเด่น ยังมีการมอบรางวัลให้กับเกษตรกร GAP ดีเด่น และผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐาน GMP/HACCP ดีเด่นอีกด้วย ถือว่าเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับคนทำงานทุกคน
ประเด็นที่ผมสนใจคือการเสวนาทางวิชาการที่นำนักวิจัยรุ่นใหม่ที่ได้รับรางวัลมานำเสนอผลงานและมุมมองในการทำงาน หนึ่งในนั้นคือนักวิชาการจากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาฬสินธุ์ที่นำเสนอการนำเทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตรไปถ่ายทอดผ่านกลุ่มเกษตรกรที่มีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะกลุ่ม YSF และผ่านการทำงานร่วมกับ ศพก. ตอบคำถามของการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้โดยตรง เห็นผล โดยไม่ต้องผ่านกลไกที่ระบบราชการกำหนด และขยายองค์ความรู้ได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ยิ่งในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างอยู่ในโทรศัพท์มือถือ ความสำเร็จของงานวิจัยใช้ได้จริงวัดผลกันได้ไม่นาน ความสุขและความภาคภูมิใจของนักวิจัยรุ่นใหม่ที่ผลงานวิจัยเป็นที่ยอมรับของเกษตรกร และประสบการณ์การทำงานกับเกษตรกรโดยตรงทำให้นักวิจัยมีประเด็นการวิจัยใหม่ที่ท้าทายให้ลงมือทำได้ตลอดเวลา
ย้อนหลังไปเมื่อปี 2552 เมื่องานถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผลงานวิจัยของนักวิจัยลงไปสู่ไร่นามีปัญหา จึงได้ปรับเปลี่ยนจากสถานีทดลองมาเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแทน มุ่งเน้นให้เป็นศูนย์ที่ทำงานวิจัยกับเกษตรกร สร้างชุดเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ตอบสนองความต้องการของเกษตรกร เป็นงานวิจัยทางการเกษตรที่แม่นยำและเป็นที่ยอมรับ ผมยังจำได้ว่าในช่วงนั้นมีผู้บริหารของกรมวิชาการเกษตรหลายคนคัดค้านแนวทางดังกล่าว โดยมองว่าเป็นการทำให้คุณค่าของนักวิจัยด้อยลง และมีโอกาสสูญเสียในทางบริหาร ช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์อย่างดี
ผมย้ำทุกครั้งที่มีโอกาสทั้งในเวทีต่างๆ หรือวงสนทนาทั่วไปก็ตาม ขอให้ระลึกเสมอว่า สิ่งสำคัญของการพัฒนาอาชีพเกษตรคือการทำการเกษตรอย่างชาญฉลาด ยืนบนพื้นฐานความรู้และเทคโนโลยีที่มีการพิสูจน์แล้ว งานวิจัยทำได้ทั้งเกษตรกรและนักวิชาการ แต่ระยะเวลาและขั้นตอนต่างกัน งานวิจัยที่รัฐลงทุน เกษตรกรควรได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงและสูงสุด ผมรอชื่นชมผลงานของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่จะเป็นสะพานเชื่อมงานวิจัยลงสู่พื้นที่ให้ครอบคลุมมากขึ้นไปอีกสมกับเจตนารมณ์ของการเกิดขึ้นมาของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่แท้จริง เป็นความเหมือนที่แตกต่าง ระหว่างการถ่ายทอดตามระบบกับงานที่ถ่ายทอดผ่านศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี