29 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมคำมอกหลวง ชั้น 5 อาคาร M-Square มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) จ.เชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดการเสวนาเรื่อง "ตามหาความจริงเรื่องไฟป่าและฝุ่นพีเอ็ม 2.5" โดยมี รศ.ดร.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ผศ.ยุทธนา มหัจฉริยวงศ์ กรรมการสภาวิศวกรและวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ซึ่งจัดการเสวนาในครั้งนี้ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมครบครัน
ทั้งนี้การเสวนามีการบรรยายพิเศษและการเสวนาระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 สำนักงานสิ่งแวดล้อม มฟล.สภาวิศวกร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ เพื่อสรุปข้อมูลและหาวิธีการป้องกันและแก้ไขในอนาคต
โดยนายประจญ กล่าวว่า จากสถานการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนหรือฮอตสปอตที่นำไปสู่ปริมาณฝุ่นละอองและหมอกควันหรือค่าพีเอ็ม 2.5 สูงเกินมาตรฐานในปี นี้ถือว่ารุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเกิดฮอตสปอตขึ้นร่วม 1,000 กว่าครั้ง มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บอีก 40 กว่าคน ดังนั้นตลอดระยะเวลา 1 ปีนี้นี้ทางจังหวัดจะทุ่มเทเวลาเพื่อหาวิธีการป้องกันเหตุในปีถัดไปให้ได้ ล่าสุดให้แต่ละอำเภอและท้องถิ่นถอดบทเรียนแต่ละพื้นที่เพื่อให้เกิดข้อมูลจากระดับล่างขึ้นบนทั้ง 18 อำเภอคาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ก็จะได้ครบหมด จากนั้นจะนำมาประกอบกับข้อมูลของสภาวิศวกรดังกล่าวเพื่อจะนำไปปรับใช้เป็นมาตรการต่อไป ซึ่งก็คาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนมาตรการกันขนานใหญ่แน่นอน
นายประจญ กล่าวด้วยว่า สำหรับข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากการปฏิบัติการตั้งแต่มาตรการห้ามเผาวันที่ 15 ก.พ.-15 พ.ค.2562 พบว่าไฟที่ไหม้อย่างหนักไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่ทางการเกษตรเลย แต่เกิดขึ้นในเขตป่าเขาทั้งหมดและส่วนใหญ่เกิดในเขตป่าลึกซึ่งยังคงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยอย่างมาก โดยเกิดขึ้นหลายจุดทั่วจังหวัดเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากการสะสมของเชื้อไฟเพราะไม่ลุกไหม้มานาน 2 ปีแต่ก็เชื่อเช่นกันว่าเกิดจากการจุดไฟเผาของคน โดยเมื่อเผาแล้วก็จะลุกไหม้ไปเรื่อยๆ แม้จะดับได้แต่ก็เหลือเชื้อไฟทำให้กลับมาลุกไหม้อีกอย่างต่อเนื่อง เมื่อสอบถามชาวบ้านในพื้นที่และเจ้าหน้าที่
ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเผา เพราะพื้นที่แห่งนี้ถือว่าเป็นวิถีชีวิตที่ชาวบ้านจะมีการเผาเป็นประจำก่อนฝนจะตกด้วยเหตุผลในการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกพืชเกษตร ทำลายวัชพืชและแมลงศัตรูพืชโดยที่การกำจัดวัชพืชด้วยวิธีอื่นกระทำได้ยากลำบากมากบนพื้นที่ภูเขาสูง ทำให้ขณะที่คนพื้นที่ราบเดือดร้อนหนักและไม่อยากให้เผาแต่คนบนพื้นที่สูงก็อ้างว่าหากไม่เผาก็จะทำให้พวกเขาจนถึงขั้นอดอยาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่จังหวัดต้องอาศัยข้อมูลจากหลายฝ่ายเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ได้ต่อไป
ทางด้าน รศ.ดร.ชยาพร เปิดเผยว่า ปัญหาหมอกควันที่ผ่านมาทำให้ มฟล.ต้องหยุดทำการเรียนการสอนระหว่างวันที่ 1-2 เม.ย.เป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงได้ให้ความสำคัญและกำหนดบทบาทให้ มหาวิทยาลัยอม่ฟ้าหลวง เป็นพื้นที่เพื่อให้เกิดการหาวิธีป้องกันและแก้ไขโดยร่วมกับหน่วยงานองค์กรต่างๆ รวมทั้งตั้งศูนย์ศึกษาวิจัยและปฏิบัติการเพื่อลดปัญหาการเกิดไฟป่าหมอกควันในประเทศไทยและในภูมิภาคขึ้นแล้ว เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการประสานงานซึ่งกรณีของสภาวิศวกรที่ให้การสนับสนุนด้านเงินทุนถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะผลงานวิจัยมีความสำคัญในการนำไปต่อยอดเพื่อแก้ไขปัญหาในอนาคต เช่น คัดแยกวัชพืชและขยะ เพิ่มมูลค่าวัชพืชแทนการเผา ฯลฯ โดยเฉพาะคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มีผู้สนใจจะทำการวิจัยเรื่องนี้จำนวนมาก ซึ่งก็เชื่อว่าผลสรุปที่ได้จะสามารถนำไปสู่อากาศที่โปร่งใสในปี 2563 ต่อไป
ด้าน ผศ.ยุทธนา กล่าวว่า โครงการจัดเสวนานี้จัดขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูล ต้นเหตุและสาเหตุ เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขการเกิดไฟป่าและฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 สำหรับจัดทำข้อเสนอให้รัฐบาลในการกำหนดมาตรการในอนาคต โดยกำหนดจัดเสวนา 4 ครั้ง ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่มาจัดในพื้นที่ประสบเหตุโดยตรงและถือว่าค่าพีเอ็ม 2.5 ที่ตรวจพบเกิดขึ้นสูงที่สุดในโลกด้วย ทั้งนี้จากสภาพพื้นที่และวิถีชีวิตที่จำเป็นต้องเผาดังกล่าวทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็พอมีวิธีการอยู่ โดยตนเคยทำงานให้กับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มาแล้วพบว่ามีสามารถนำเอาวัชพืชมาทำถ่าน ปุ๋ย ฯลฯ เพื่อเพิ่มมูลค่าได้โดยเฉพาะวัชพืชที่เป็นหญ้าทั่วไปตนยืนยันว่าสามารถนำมาเป็นถ่านกัมมันต์ที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีได้ ซึ่งหากว่าสามารถเพิ่มมูลค่าจากวัชพืชเหล่านี้ได้ก็ย่อมจะไม่มีความอยากเผาอีกต่อไป เป็นต้น
ทั้งนี้หลังการเสวนาครั้งนี้แล้วจะมีการจัดเวทีอีกที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ณ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กรุงเทพฯ ในวันที่ 12 มิ.ย.2562 คาดว่าจะสรุปผลเพื่อนำเสนอรัฐบาลได้ในเดือน ก.ค.นี้ต่อไป.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี