31 พ.ค.62 ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย นางภัทรา โชว์ศรี รองผู้ว่าตรวจการเงินแผ่นดิน , นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ , พล.ท.สุเชษฐ์ ตันยะเวช ผู้แทนกองทัพภาคที่ 3 , พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 36 , นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ , พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.4กอ.รมน.) , นายชิต อินทระนก ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้เพชรบูรณ์ ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องฯ ร่วมประชุมติดตามผลการดำเนินงานและบริหารจัดการ พื้นที่ป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อนำข้อมูลที่ชัดเจน นำเสนอคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหา
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีการเร่งรัดในเรื่องของการแก้ไขปัญหาพื้นที่เขาค้อ รวมไปถึงขั้นตอนการรับมอบพื้นที่คืน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนและมีผลกระทบน้อยที่สุด จึงเป็นที่มาของการจัดประชุมในวันนี้เพื่อมีการพูดคุยที่ชัดเจน ประกอบกับรัฐบาลได้มีการผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กับเรื่องของการแก้ไขปัญหาประชาชนที่อยู่ในที่ดินของรัฐทุกประเภท จึงตั้งคณะทำงาน เข้ามาแก้ไขปัญหาในเรื่องของการรับมอบที่ดินเขาค้อ รวมถึงปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นภูทับเบิก รวมถึงการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าโดยรอบ การประชุมวันนี้ไม่ได้จะมาบอกว่าจะยุติอย่างไร จะเดินไปในรูปแบบไหน แต่เพื่อมาดูข้อมูล ที่จะเตรียมนำเสนอไปสู่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่เป็นกลไกตามกฎหมายในการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหา จะต้องดูข้อเท็จจริง ต้องมีการแบ่งกลุ่ม แบ่งรายละเอียดของผู้ที่เข้าไปอยู่อาศัย ผู้ที่เข้าไปทำประโยชน์ ให้ชัดเจนในแต่ละกลุ่ม เพื่อนำไปสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ คทช.โดยในเป็นประเด็นของการบังคับใช้กฎหมาย ก็จะมีการพิจารณาไปตามความเหมาะสมในส่วนที่มีความจำเป็นจริงๆ หรือในส่วนที่ มีการปฏิบัติที่เกินกติกาที่เรากำหนดไว้ หรือว่ามีการทำผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง เราต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวอีกว่า เรามีการแบ่งกลุ่มไว้หลายกลุ่มในพื้นที่เขาค้อ เพื่อที่จะนำไปสู่การกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาในอนาคต ซึ่งมีกรอบในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาอยู่ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เป็นกลไกที่สำคัญในการที่จะกำหนดมาตรการที่ชัดเจน ว่าประชาชนที่อยู่ในที่ดินของรัฐทุกประเภทจะต้องแก้ไขอย่างไรในแต่ละกลุ่ม การประชุมเพื่อให้มีข้อมูลที่ชัดเจน หลังจากที่เราได้นำเสนอไปสู่คณะกรรมการ คทช.แล้วจะได้มีการตกหล่น ไม่มีผู้ที่เสียสิทธิ์ในการที่จะได้รับประโยชน์หรือเสียประโยชน์อะไรในพื้นที่ตรงนั้น ซึ่งกลุ่มต่างๆ จะมีการแก้ไขที่แตกต่างกัน เพราะทุกคนมีเงื่อนไขในการเข้ามาใช้ และครอบครองที่ไม่เหมือนกัน แต่ราษฎร รอส.ที่ทำกินอยู่เดิมตรงนี้เราต้องช่วยเหลือเขา ให้สิทธิ์เขาก่อนเพราะถือว่าเขาเคารพกติกา โดยเราได้คุยกับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้แทนฝ่ายทหาร และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ว่าจะต้องกำหนดพื้นที่ที่ชัดเจนว่าตรงไหนที่ต้องดำเนินคดี และต้องกำหนดกรอบเวลาว่าจะแล้วเสร็จภายในเมื่อไหร่เพื่อที่จะไม่ให้เป็นปัญหา
ด้าน รองผู้ว่าตรวจการเงินแผ่นดิน กล่าวว่า ในส่วนของ สตง.มีการติดตามปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าด้วยกันหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ภูทับเบิกหรือเขาค้อซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของจังหวัดเพชรบูรณ์ จะเป็นจุดแรกๆ ที่ให้ความสนใจ และทางรัฐบาลก็ให้ความสำคัญเรื่องการดูแลรักษาป่า โดยเห็นได้จากยุทธศาสตร์ชาติ 2 ยุทธศาสตร์หลักๆ มีการกล่าวถึงสภาพแวดล้อมของป่าไว้อย่างชัดเจน ดีใจที่เห็นจังหวัดให้ความสำคัญ เพราะการแก้ปัญหาไม่สามารถจะแก้จากส่วนกลางลงมาได้ ต้องคนในพื้นที่โดยเฉพาะส่วนราชการที่อยู่ในพื้นที่ต้องแก้ปัญหาด้วยกัน
รองผู้ว่าฯ สตง.กล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่าในส่วนของพื้นที่ภูทับเบิกกับเขาค้อและการแก้ปัญหาในวันนี้ สตง.เข้ามาเพื่อจะดูว่าในข้อมูลที่จะมีการนำเสนอและข้อมูลที่ สตง.รวบรวม และที่เห็นจากสื่อต่างๆ นำเสนอข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ดังนั้น ในการแก้ไขปัญหาต่อไปซึ่งจะต้องมีการจัดเป็นองค์คณะที่รวบรวมหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เฉพาะเพียงกรมป่าไม้เท่านั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยแก้ปัญหาในวันนี้ให้ได้
"เราคงจะยอมให้เห็นการบุกรุกต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ฉะนั้น จึงต้องมาขีดเส้นกันในวันนี้ว่าวิธีการแก้ไขปัญหาของแต่ละกลุ่มที่เข้ามาในพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแก้ไขปัญหากันอย่างไร สตง.จะช่วยพิจารณาว่าใครควรจะมีบทบาทหน้าที่อย่างไรได้ทำกันหรือไม่มีปัญหาอะไรในทางปฏิบัติ นโยบายการตรวจเงินแผ่นดินมีความชัดเจน ทาง สตง.เองก็จะต้องเป็นผู้ให้คำแนะนำ กฎหมายอะไรที่มีปัญหาโดยในส่วนของ พ.ร.บ.ก็ให้อำนาจว่า เมื่อรู้ว่ากฎหมายมีปัญหาจริงก็แก้ไขกฎหมายได้ หน่วย สตง.จะเป็นคนแจ้งเพื่อขอแก้ไข ต้องการให้การแก้ไขเกิดขึ้นอย่างแท้จริง โดยดูว่าปัญหาเกิดขึ้นจากคนที่เป็นผู้ปฏิบัติหรือเกิดขึ้นจากข้อกฎหมาย หรือเกิดจากปัญหาทั้งสองด้านรวมกัน"
ที่สำคัญจะต้องมาดูทั้งในส่วนของกรมป่าไม้ พื้นที่ทหารที่รับไป พื้นที่ พม.ที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ กรมที่ดิน กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งทางอัยการ และทางตำรวจ เข้ามาร่วมรับรู้และช่วยกัน ให้คำแนะนำที่จะแก้ปัญหา เพราะเราต้องการที่จะแก้ไขปัญหาตรงนี้ซึ่งผลกระทบย่อมจะเกิดขึ้น เนื่องจากอยู่คาบเกี่ยวกับประชาชน หากมีการบริหารจัดการแล้วแบ่งหมวดให้ชัดเจน ว่ากลุ่มคนที่เข้ามาอยู่ในกลุ่มคนประเภทไหน แล้วการแก้ไขปัญหาทำให้เหมือนกัน อย่าให้มีความรู้สึกว่าถูกเลือกปฏิบัติ ซึ่งข้อกฎหมายจะช่วยให้เราทุกคน ในทางข้อมูลต่างๆ ที่จะกลับนำขึ้นไปพิจารณา อย่างไรก็ตาม สตง.ก็จะร่วมช่วยดูแลและช่วยเหลือ พร้อมให้ข้อแนะนำเพื่อให้ทีมงานได้มีความมั่นใจในการทำงาน มีคนช่วยดูแลไม่ใช่ปล่อยทิ้งให้ทำกันไปพอถึงเวลาทุกคนก็มีคดีติดตัวกัน ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่อยากให้เกิดขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี