ศาลจังหวัดกาญจนบุรี พิพากษายกคำฟ้องคดีที่ "ครูปรีชา" ยื่นฟ้อง "หมวดจรุญ" ในข้อหายักยอกทรัพย์และรับของโจร ลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ และการให้ปากคำของพยานขัดกันเองในหลายๆ ข้อ
วันนี้ (4 มิ.ย.) ศาลจังหวัดกาญจนาบุรี นัดฟังคำพิพากษาคดีหวย 30 ล้านอลเวง หรือคดีที่นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ในคดีอาญาข้อหายักยอกทรัพย์ รับของโจร เนื่องจากทั้งคู่ต่างอ้างว่าเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เงินรางวัล 30 ล้านบาท
เวลา 13.00 น. ศาลได้เริ่มอ่านคำพิพากษาโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จนเวลาประมาณ 15.30 น. มีรายงานข่าวว่า ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ยกฟ้องคดีที่ครูปรีชา หรือนายปรีชา ใคร่ครวญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง หมวดจรูญ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ความผิดฐานยักยอกทรัพย์และรับของโจรในคดีหวย 30 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลเหตุมาจากโจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม 2560 ถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยโดยเจตนาทุจริตเก็บเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดที่ 41 ประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ชุดที่ 04, 07, 14, 15, และ 22, เลข 533726 จำนวน 5 ฉบับ ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ที่ซื้อมาจากนางสาวรัตนาพร สุภาทิพย์ ที่ตลาดเรดซิตี้ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560 รวม 4 ชุดในราคา 2,200 บาท หลังรับสลากกินแบ่งรัฐบาลจากนางสาวรัตนาพร โจทก์นำมาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วเดินซื้อของภายในตลาด เมื่อกลับถึงบ้านโจทก์พบว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลเลข 533726 รวม 5 ฉบับหายไป
ต่อมาผลการออกรางวัล เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ปรากฏว่ารางวัลที่ 1 คือเลข 533726 โดยในระหว่างวันเวลาที่จำเลยเก็บสลากกินแบ่งรัฐบาลของโจทก์ไปไว้ในครอบครอง จำเลยเบียดบังเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้ง 5 ฉบับที่มีมูลค่าเงินรางวัล 30 ล้านบาทไปเป็นของจำเลยโดยทุจริต
เหตุเกิดที่ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี หรือ มิฉะนั้นวันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยรับสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าวไว้โดยรู้อยู่แล้วว่า เป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหาย เหตุรับของโจรเกิดที่ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เกี่ยวเนื่องกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352, 357, ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธ
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหายักยอกสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 ซึ่งโจทก์ทำหายหรือรับสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยการกระทำความผิด ฐานยักยอกทรัพย์สินหาย จึงต้องวินิจฉัยก่อนว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 เป็นทรัพย์สินของโจทก์ที่ทำหาย ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอก
สำหรับความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาทั้งหมดแล้ว เห็นได้ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบเกี่ยวกับการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 ดังกล่าวคงมีเพียงพยานบุคคลที่อ้างว่าเป็นประจักษ์พยานมาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขายเท่านั้น แต่ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุนคำเบิกความของพยานบุคคล
อีกทั้งคำเบิกความของพยานบุคคลดังกล่าวก็มีข้อพิรุธและขัดแย้งกันเองในหลายประการ ทั้งเรื่องความสามารถของพยานแต่ละคนในการจดจำเลขสลากกินแบ่งรัฐบาล การโทรศัพท์ติดต่อนัดหมายให้ไปรับสลากกินแบ่งรัฐบาล ระหว่างโจทก์กับนางสาวรัตนาพร การแจ้งความหลังทราบผลการออกรางวัล และที่สำคัญคำเบิกความของบุคคลที่โจทก์นำสืบ ล้วนขัดแย้งกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ และพื้นที่การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของโจทก์ ในวันที่ 31 ตุลาคม 2560
เมื่อพิจารณาประกอบกับพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จำเลยนำสืบหักล้างแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจากนางสาวรัตนาพร ที่ตลาดเรดซิตี้ ในวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2560 โดยไม่ได้เดินทางไปตลาดเรดซิตี้ ในวันที่ 31 ตุลาคม 2560 แต่โจทก์กลับใช้วิธีนำสืบโดยหยิบยกเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 27 ตุลาคม 2560 มากล่าวอ้างว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม 2560
เมื่อปรากฏว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 ยังวางขายอยู่บนแผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลของนางสาวพัชริดาในวันที่ 30 ตุลาคม 2560 แต่โจทย์ไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจากนางสาวรัตนาพร ในวันที่ 27 ตุลาคม 2560
แสดงว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่โจทก์ซื้อไปจากนางสาวรัตนาพร ไม่ใช่สลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่ง แต่เมื่อทราบผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 นางสาวรัตนาพร เห็นภาพถ่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลบนแผงขายของนางสาวพัชริดา ซึ่งนางสาวพัชริดา ถ่ายรูปไว้เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2560 ปรากฏภาพสลากกินแบ่งรัฐบาลเลข 533726 อยู่บนแผง
นางสาวรัตนาพร จึงคิดว่าตนเองซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดดังกล่าวไปจากนางสาวพัชริดา แล้วนำไปขายต่อให้โจทก์ นางสาวรัตนาพร จึงไปบอกโจทย์ว่าถูกรางวัลที่หนึ่ง ในครั้งแรกโจทก์ก็ยืนยันว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลที่โจทก์มีเลข 3 ตัวหน้า ไม่ตรงกับรางวัลที่ 1
แต่เมื่อนางสาวรัตนาพร พูดย้ำหลายครั้งว่าโจทก์ถูกรางวัลที่ 1 ทำให้โจทก์เริ่มลังเล จนในที่สุดก็เข้าใจไปด้วยอีกคนว่า ตนได้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 จริง ตามที่นางสาวรัตนาพรบอก แม้ว่าขณะนั้นโจทก์ จะไม่มีสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 อยู่ในครอบครอง
จนกลายเป็นที่มาของการไปแจ้งความว่าโจทก์ทำสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 ตกหาย ทั้งๆ ที่ในความจริงแล้วโจทก์ไม่ได้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดดังกล่าวมาตั้งแต่แรก เมื่อคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ได้ความว่า มีการกระทำความผิดตามฟ้องเกิดขึ้นจริง แต่พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ ล้วนมีข้อพิรุธน่าสงสัยและขัดแย้งกับพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในหลายประการตามที่กล่าวมา
ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 มาจากนางสาวรัตนาพร สลากกินแบ่งรัฐบาลที่จำเลยนำไปขอรับเงินรางวัล ไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญามาตรา 214 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี