เจ้าหน้าที่คาด ฝีมือ “อับดุลเลาะตะเปาะโต๊ะ” กับคู่แฝดตระกูล“หลำโซ๊ะ” ใช้อาวุธสงคราม-ระเบิดถล่มบ้านที่ยะลา หวังข่มขู่ให้ย้ายออกจากพื้นที่ แต่เจ้าของบ้านใจเด็ด คว้าปืนยิงสู้จนกลุ่มคนร้ายถอยเข้าป่า ขณะที่การข่าวแจ้งเตือนระวังเหตุระเบิดหลายจุด สั่งวางกำลังดูแลความปลอดภัยเข้ม วันสุดท้าย“รอมฎอน”
เมื่อเวลาประมาณ 00.15 น. วันที่ 4 มิถุนายน เกิดเหตุคนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คน ใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่ม ใส่บ้านเลขที่ 97/13 ม.11 ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ก่อนที่ นายประพันธ์ วงกต อายุ 56 ปี เจ้าของบ้าน จะใช้อาวุธปืนพกสั้น ยิงตอบโต้กลุ่มคนร้าย เป็นเวลาราวครึ่งชั่วโมง จนคนร้ายจะพากันหลบหนีไปท่ามกลางความมืด ส่วนนายประพันธ์ ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อง
ต่อมา เวลา 10.00 น.หน่วยงานด้านความมั่นคงใน จ.ยะลา ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุดังกล่าว พบว่า บ้านได้รับความเสียหายจากระเบิดไปป์บอมบ์ บริเวณหลังคาบ้าน เสียหายเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ กระเบื้องหลังคาแตกระเบิด รอบตัวบ้านพบร่องรอยของกระสุนปืนจำนวนหลายชนิด ที่ถูกคนร้ายระดมยิงใส่ นอกจากนี้ ในบริเวณใกล้บ้านยังพบ ขวดพลาสติกบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงอีกจำนวนหนึ่ง และพบร่องรอยของกองไฟ รอยเท้าของกลุ่มคนร้ายในป่ารกหลังบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจเก็บหลักฐานไว้เพื่อดำเนินการติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่คาดว่า เหตุการณ์ดังกล่าว น่าจะเป็นฝีมือของ นายอับดุลเลาะ ตะเปาะโต๊ะ แกนนำอาร์เคเค จากบันนังสตา ร่วมกับ นายซอบรี และ นายรอซาลี คู่แฝดตระกูล หลำโซ๊ะ ซึ่งเป็นน้องชายของนายบูคอรี หลำโซ๊ะ แกนนำอาร์เคเค ที่เคลื่อนไหวใน อ.สะบ้าย้อย เทพา จ.สงขลา และ อ.หนองจิก อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
ขณะที่ข้อมูลของหน่วยงานความมั่นคง ระบุว่าอาวุธปืน ที่คนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้เป็นอาวธปืน ชนิด M /203 ที่ติดกับลำกล้องอาวธปืน เอ็ม 16 ซึ่งเป็นของนายอับดุลเลาะ ตะเปาะโต๊ะ ที่ยึดจากเหจการณ์ยิงถล่มเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อหลายปีก่อน
นอกจากนั้นอาวุธเอ็ม 203 กระบอกเดียวกันยังนำมาใช้ยิงถล่ม สภ.ลำไหม่ จ.ยะลา และ สภ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นคนร้ายชุดเดียวกัน โดยมี นายอิสมาแอ ระยะหลง หรืออุสตาดโซ๊ะ เป็นผู้บงการ ซึ่งขณะนี้มีรายงานว่ากำลังป่วยอยู่และรักษาตัวอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ขณะนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงได้แจ้งเตือนจุดตรวจ จุดสกัด ให้ทุกหน่วยตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยอย่างละเอียด คาดว่ายังคงกบดานอยู่ในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบ้านของนายประพันธ์ ได้อยู่อาศัยมานานกว่า 40 ปีแล้ว โดยเป็นบ้านของชาวพุทธครอบครัวเดียวที่อาศัยอยู่ในชุมชนมุสลิม และเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายมีเป้าหมายที่จะข่มขู่ครอบครัวของนายประพันธ์ ให้ย้ายออกไปจากพื้นที่
วันเดียวกัน รายงานข่าวจากหน่วยกำลังด้านความมั่นคงชายแดนภาคใต้แจ้งว่า ได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการเข้มข้นในการเฝ้าระวังป้องกันเหตุร้ายไม่ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ เนื่องจากยังคงเกิดสถานการณ์ไม่สงบ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นรายวัน และในวันนี้ยังเป็นวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอนหรือเดือนถือศีลอดของชาวมุสลิมซึ่งอาจยังมีความพยายามในการลอบก่อเหตุร้ายของแนวร่วมก่อความไม่สงบ
พร้อมกันนี้ยังมีการแจ้งเตือนจากหน่วยข่าวให้เฝ้าระวังป้องกันเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มมาตรการ ในการตรวจสอบ รถยนต์รถจักรยานยนต์และกลุ่มบุคคลต้องสงสัยที่อาจจะลอบเข้ามาก่อเหตุร้าย โดยเฉพาะในย่านการค้ากลางเมืองหาดใหญ่ ซึ่งในขณะนี้มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียรวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทย ทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยกำลังอาสารักษาดินแดนอำเภอหาดใหญ่ เดินลาดตระเวนในย่านการค้ากลางเมือง สอดส่อง สิ่งผิดปกติ วัตถุต้องสงสัยและขอความร่วมมือประชาชนพ่อค้าแม่ค้าร่วมกันสอดส่องป้องกันเหตุในพื้นที่
โดยในวันที่ 5 มิถุนายน เป็นวันอีฎิ้ลฟิตริ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซีย เดินทางออกมาท่องเที่ยว กันเพิ่มมากขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่ ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ทั้งนี้กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาเน้นย้ำให้หน่วยกำลังด้านความมั่นคงทางที่ประจำด่านตรวจความมั่นคงรวมถึงด่านตรวจเส้นทางสายรองและชุดมวลชนสัมพันธ์ให้เฝ้าปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ จนกว่าจะผ่านพ้นเทศกาลนี้ไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี