ในการประชุมคณะมนตรีแอปเตอร์ แต่ละครั้งนั้น สำนักเลขานุการแอปเตอร์จะเป็นผู้ที่ต้องเตรียมความพร้อมมากที่สุด เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของแอปเตอร์ คือ ทั้ง 13 ประเทศ ลงขันออกเงินและจ้างให้มาทำงานตามความตกลงแอปเตอร์ นโยบาย มติที่ประชุม หรือที่ได้รับมอบหมายจากประเทศสมาชิกในภาพรวม ความจริงมีระเบียบว่าด้วยการบริหารงานของแอปเตอร์ที่ค่อนข้างหยุมหยิมมาก เริ่มตั้งแต่ ระเบียบว่าด้วยคณะมนตรีฯ ระเบียบว่าด้วยสำนักเลขานุการฯ ระเบียบว่าด้วยการบริหารงาน ระเบียบว่าด้วยการเงิน ระเบียบว่าด้วยการดำเนินงาน โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการดำรงสถานะของเจ้าหน้าที่ คือ เจ้าหน้าที่ทุกคน รวมทั้งผมด้วยจักต้องวางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัด เป็นคนไทยก็จริง แต่ทำงานต้องไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนไทยและจะโอนเอียงเข้าข้างประเทศไทย หรือประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ได้เด็ดขาด ห้ามยุ่งกับกิจกรรมทางการเมือง ต้องทำงานในออฟฟิศของแอปเตอร์ตลอดเวลา โดยอิงเวลาราชการไทยร้อยเปอร์เซ็นต์
ดังนั้น การประชุมคณะมนตรีฯ กันปีละครั้งก็เท่ากับเป็นการตรวจสอบ ติดตาม ผลการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินของสำนักเลขานุการฯ รวมทั้งรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อวินิจฉัยและให้ความเห็นชอบในวิธีการแก้ไขต่างๆ ผมในฐานะผู้จัดการทั่วไป ภายใต้การสนับสนุนของน้องๆ เจ้าหน้าที่แอปเตอร์ ที่มีอยู่ด้วยกันประมาณ 10 คน จะต้องเป็นฝ่ายนำเสนอตามระเบียบวาระต่างๆ ต่อที่ประชุมตั้งแต่เช้ายันเย็น พร้อมทั้งตอบข้อซักถามต่างๆ ที่ประเทศสมาชิกสงสัย ระหว่างนั้นน้องๆ เจ้าหน้าที่ก็จะบันทึกผลการประชุมไว้ เพื่อเมื่อเสร็จสิ้นวาระสุดท้ายแล้วจะมีการนำมาฉายบนจอให้สมาชิกอ่าน ปรับปรุง แก้ไข จนถูกต้องและพอใจในทุกเรื่องพร้อมให้การรับรองในขั้นสุดท้าย จากนั้นก็จัดทำเป็นเอกสารสรุปการประชุม เพื่อเวียนไปยังประเทศสมาชิกสำหรับอ้างอิงในอนาคตต่อไป ก็เป็นงานที่หินที่ต้องเผชิญปีละ 1 ครั้ง แต่นอกจากนี้ ยังมีการประชุมที่ตามข้อกำหนดที่แอปเตอร์ โดยสำนักเลขานุการฯ ต้องนำผลการปฏิบัติงานไปนำเสนออีก 3 การประชุม คือ (1) การประชุมของ AFSRB หรือ ASEAN Food Security Reserve Board (2) การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงเกษตร ประมงและป่าไม้ (ชื่อแบบรวมๆ กัน 10 ประเทศ) ทั้งที่เป็นสมาชิกอาเซียน และอาเซียนบวกสาม และ (3) การประชุมรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ประมงและป่าไม้ ทั้งสมาชิกอาเซียน และอาเซียนบวกสาม ซึ่งทั้ง 3 การประชุม จะได้นำรายละเอียดมาเล่าให้ผู้อ่านฟังในโอกาสต่อๆ ไปครับ
ที่มาเลเซีย ผู้ใหญ่ที่ให้เกียรติมาเป็นประธานการประชุม คือ รองปลัดกระทรวงเกษตรของมาเลเซีย ซึ่งเป็นสุภาพสตรี ขณะเดียวกันก็จะมีประธานร่วม (Co-chairs) คือ ผู้แทนมาจากประเทศญี่ปุ่น คำว่าประธานร่วมขออธิบายนิดครับ เผื่ออาจมาบางท่านสงสัย คือ ในบรรดาสมาชิกแอปเตอร์ทั้ง 13 ประเทศนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ 10 ประเทศอาเซียน และกลุ่มสอง คือ กลุ่มบวกสาม(จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) ระเบียบบอกว่าต้องมีประธานการประชุม 2 คน มาจากกลุ่มละคน เรียงลำดับตามตัวอักษรหมุนเวียนกันไปในแต่ละปี ตัวอย่างเช่น ปีที่แล้วจัดประชุมคณะมนตรีฯที่ สปป. ลาว ประธานร่วม คือ สปป. ลาว กับจีน ดังนั้น ปีนี้จึงหมุนมาเป็นอย่างที่กล่าว ส่วนปีหน้าเจ้าภาพ คือ เมียนมา ประธานร่วมก็จะเป็น เมียนมาและเกาหลีใต้ สำหรับการทำหน้าที่ประธานทั้งสองคนก็จะตกลงกันเอง อาจภาคเช้าคนหนึ่งเป็น ส่วนภาคบ่ายอีกคนเป็น สลับกันไป อย่างนี้เป็นต้น
การประชุมคณะมนตรีฯแต่ละครั้งเท่าที่ผมสังเกต แม้มติที่ประชุมจะใช้ระบบฉันทามติอย่างที่อธิบายไปเมื่อก่อน แต่ในทางปฏิบัติทุกประเทศจะใช้หลักถ้อยทีถ้อยอาศัย อะลุ่มอล่วยและให้เกียรติซึ่งกันและกันมาก ผู้แทนทุกคนที่มาประชุมแม้จะไม่เคยเป็นนักการทูตมาก่อน อีกทั้งไม่น่าจะเคยทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศมาก่อน ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีวิญญาณนักการทูตกันอยู่ทุกผู้ทุกนาม ผมและคณะฝ่ายเลขานุการเอง แม้เป็นเพียงลูกจ้างกินเงินเดือนจากเขา แต่ก็ได้รับการปฏิบัติที่ดีเยี่ยม ก็ต้องนำจุดดีเด่นนี้มาเล่าด้วยความประทับใจยิ่งครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี