จากการที่องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็น “วันต่อต้านการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมสากล : Combating IUU Day” เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับภัยคุกคามของการทำประมง IUU ที่ส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนของทรัพยากรประมง รวมถึงผลกระทบที่มีต่อระบบเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของโลกในระยะยาว ดังนั้น องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลรับผิดชอบแหล่งอาหารของโลกซึ่งได้มาอย่างถูกกฎหมาย จึงพิจารณาให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน Combating IUU Day ในปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เพราะเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย IUU ได้อย่างมีประสิทธิจนสามารถปลดใบเหลืองได้ โดยงาน Combating IUU Day ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ณ กรมประมง มี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดงาน ซึ่งรองนายกฯ ได้กล่าวกลับสื่อมวลชนภายหลังเปิดงานว่า ปัจจุบันไทยได้ผลักดันการแก้ไขปัญหา IUU ของประเทศจนเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ อาทิ การผลักดันนโยบายประมงร่วมอาเซียน (ASEAN General Fisheries Policy) การเข้าร่วมเป็นภาคีความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น ข้อตกลงว่าด้วยการปฏิบัติตามบทบัญญัติของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลเกี่ยวกับการอนุรักษ์และการบริหารจัดการมวลปลาที่ย้ายถิ่น (UNFSA) ข้อตกลงตามมาตรการของรัฐเจ้าท่า (PSM) ข้อตกลงว่าด้วยการทำประมงในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ (SIOFA) รวมถึงการลงนามความร่วมมือในการต่อต้านปัญหาการทำประมง IUU กับประเทศฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น การลงนามความร่วมมือทางด้านประมงกับประเทศเมียนมา เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้วางรากฐานการแก้ไขปัญหาการทำประมงของประเทศไปสู่การประมงอย่างยั่งยืน ทั้งด้านกฎหมาย การบริหารจัดการทรัพยากรประมงและกองเรือ การติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (MCS) การตรวจสอบย้อนกลับ รวมถึงด้านแรงงาน เรียกได้ว่าไทยได้ปฏิรูปภาคการประมงทั้งระบบซึ่งเปลี่ยนแปลงจากอดีตไปอย่างสิ้นเชิง และพร้อมจับมือกับประชาคมโลกในการร่วมรักษาทรัพยากรทางทะเล และนำพาการประมงของประเทศและโลกไปสู่ความยั่งยืนเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารให้แก่ประชากรของโลกต่อไป
และหลังจากการจัดงาน Combating IUU Day ในช่วงเช้า กรมประมงได้มีการจัดกิจกรรม DOF MEET THE PRESS : MOVING TOWARDS SUSTAINABLE FISHERIES ต่อในช่วงบ่าย โดยมี นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เป็นผู้ให้รายละเอียดว่า กรมประมงมุ่งหมายให้ทุกคนได้รับรู้และรับทราบถึงการก้าวผ่านการทำประมงของเรือประมงนอกน่านน้ำของประเทศไทย ซึ่งในอดีตยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามพันธกรณีของกฎหมายสากลและไม่มีการดำเนินการเพื่อป้องกันยับยั้งการทำประมง IUU ทั้งในเรื่องของกระบวนการทางกฎหมายที่ขาดความชัดเจนของกรอบกฎหมายในการกำหนดมาตรการติดตาม ควบคุมเฝ้าระวังการทำการประมง หรือจะเป็นเรื่องของการจัดการกองเรือที่ขาดการควบคุมไม่สามารถตรวจสอบใดๆ ได้ อีกทั้ง เรื่องของแรงงานบนเรือประมง ก็ไม่มีระบบตรวจสอบอย่างชัดเจน ซึ่งล้วนแล้วแต่นำไปสู่ความสูญเสียของทรัพยากรทางธรรมชาติและการคุกคามสิทธิ์เสรีภาพและการค้ามนุษย์และท้ายที่สุดได้รับใบเหลือง IUU เมื่อปี 2558
ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ประเทศไทยได้ใช้ความพยายามแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายจนกระทั่งได้ใบเขียว ประเทศไทยได้มีการปฏิรูปภาคการประมงอย่างอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกพระราช
กำหนดการประมง ปี พ.ศ. 2558 และกระบวนการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายทั้งระบบ โดยในส่วนของการทำประมงนอกน่านน้ำ ได้มีการปรับปรุงกฎหมาย ออกกฎกระทรวง เรื่อง การขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำ พ.ศ. 2562 และมีการออกประกาศกรมประมงที่เกี่ยวข้องกับเรือประมงนอกน่านน้ำ จำนวน 7 ฉบับ รวมถึงมีการบริหารจัดการกองเรือประมงนอกน่านน้ำที่จะทำการประมงในพื้นที่ SIOFA ให้สอดคล้องกับพื้นที่การทำประมงและสมดุลกับปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำ นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งเทคโนโลยีในการเฝ้าระวัง ได้แก่ ระบบติดตามเรือประมง (VMS) ระบบแสดงตนอัตโนมัติ (AIS) ระบบรายงานและระบบเฝ้าระวังอิเล็กทรอนิกส์ (ERS) (EM) ระบบการแจ้งเข้า - แจ้งออกเรือประมงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-PIPO) ผู้สังเกตการณ์บนเรือ Observer onboard และคู่มือขั้นตอนการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจน (SOP) รวมถึงการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ตลอดจนระบบตรวจสอบด้านแรงงานประมง ฯลฯ ซึ่งการดำเนินการดังที่กล่าวมานี้นำไปสู่การปฏิรูป ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำการประมงนอกน่านน้ำอย่างเป็นระบบและที่ชัดเจนที่สุด คือ ขณะนี้เรือประมงนอกน่านน้ำของประเทศไทยสามารถออกไปทำการประมงได้แล้ว หลังจากที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปทำประมงนานถึง 2 ปี โดยเรือประมงนอกน่านน้ำลำแรกที่ได้ออกไปทำประมง ณ มหาสมุทรอินเดีย ได้แก่ เรือมณีเงิน 5 ซึ่งเดินทางออกไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ระบบการบริหารจัดการทำประมงนอกน่านน้ำของประเทศไทยมีมาตรฐานได้รับการยอมรับในระดับสากลและสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาประเทศได้...
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี