วันก่อนผมมีโอกาสได้อ่านรายงานภาวะสังคมไทย ไตรมาส 1 ปี 2562 ของสภาพัฒน์ เดิม ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประเด็นที่ผมสนใจคือ ประเด็นหนี้สินครัวเรือน ในฐานะที่ผมเคยเข้าไปคลุกคลีกับประเด็นปัญหานี้ของ ธ.ก.ส. ผมจึงมีความห่วงใยต่อประเด็นดังกล่าวมากเป็นพิเศษ
รายงานของสภาพัฒน์ ดังกล่าว ได้ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์หนี้สินครัวเรือนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าถึง 12.8 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 78.6 ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ เป็นการเพิ่มขึ้นไตรมาสที่สองติดต่อกัน หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่น พบว่า ณ สิ้นปี 2561 ประเทศไทยมีสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP อยู่ในอันดับ 10 จาก 89 ประเทศทั่วโลก และอันดับที่ 3 จาก 29 ประเทศในเอเชีย รองจากเกาหลีใต้ และมาเลเซีย เท่านั้น
สำหรับไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 สภาพัฒน์ รายงานว่า หนี้สินครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยยอดคงค้างสินเชื่อรวมเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2557 เป็นต้นมา โดยเป็นผลจากการเร่งก่อหนี้ก่อนการบังคับใช้มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ความต้องการรถยนต์ และการเพิ่มขึ้นจากการส่งเสริมการขายต่างๆของภาคเอกชน ในขณะที่ NPL จากสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคดังกล่าวมีมูลค่ารวม 126,356 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.75 ต่อสินเชื่อรวม และคิดเป็นร้อยละ 27.8 ต่อ NPls รวม สูงสุดในรอบ 13 ไตรมาส และมีสัดส่วนสูงสุดเมื่อเทียบกับยอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในประเภทธุรกิจอื่น
ในขณะที่รายงานผลการสำรวจสถานการณ์ภาวะหนี้สินครัวเรือนเกษตรกรของ ธ.ก.ส ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 ซึ่งเก็บข้อมูลจากเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. จำนวน 980 ราย พบว่า ครัวเรือนมีรายได้รวมเฉลี่ย 295,420 บาท/ปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 1.9 และมีค่าใช้จ่ายรวมเฉลี่ยต่อครัวเรือน 240,680 บาท/ปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 1.1 ส่งผลให้มีสัดส่วนรายได้มากกว่าค่าใช้จ่าย 1.23 เท่า เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 0.8 และพบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 66.2 ของครัวเรือนมีการออมเงิน สัดส่วนการออมอยู่ที่ร้อยละ 6.4 ของรายได้ทั้งหมด โดยจะเพิ่มตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันมีหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือน 135,220 บาท/ปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 1.3 โดยหนี้ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 89.1 เป็นหนี้ในระบบ มีหนี้นอกระบบร้อยละ 10.9 ปรับตัวลดลงจากปีก่อนร้อยละ 18.5 ภาระหนี้ต่อรายได้เฉลี่ยต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 45.77 ปรับตัวลดลงจากปีก่อนร้อยละ 0.61 แต่ยังคงสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานเสถียรภาพของภาคครัวเรือนที่กำหนด ณ ระดับร้อยละ 40 ซึ่งมีโอกาสที่ครัวเรือนเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. จะผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น
เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสไปตลาดน้ำท่าคาที่จังหวัดสมุทรสงคราม พบกับเกษตรกรที่พายเรือนำผลผลิตจากสวนมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวและชาวสวนด้วยกันเอง สิ่งที่ผมประทับใจ คือ ชาวสวนในละแวกนี้บอกกับผมว่า ชาวสวนถ้าขยันไม่มีจน ขอเพียงแต่ให้เข้าใจพื้นที่ของตนเอง ดิน น้ำ เป็นอย่างไร รู้จักตลาด เข้าใจลูกค้า และใช้ชีวิตให้เป็น คำว่าหนี้จะไม่เกิดขึ้นได้เลย แต่ใช่ทุกคนจะทำได้ เพราะปัญหาเรื่องหนี้เป็นปัญหาที่ยังคงอยู่เสมอไม่ว่าจะรายงานจากแหล่งใดก็ตาม
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี