จำคุก1ปีไม่รอลงอาญา
‘เปรมชัย’อ่วม
ติดสินบนจนท.ป่าไม้
บวกโทษคดีล่าสัตว์อีก16ด.
ได้ประกันตัว/ยื่นอุทธรณ์สู้
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งจำคุก 1 ปี “เสี่ยเปรมชัย”ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 144 คดีติดสินบนจนท.ป่าไม้ ให้นับโทษต่อคดีล่าสัตว์ รวมจำคุก 1 ปี 16 เดือน ศาลชี้เปรมชัยเอ่ยเสนอจะให้ประโยชน์จนท.เคลียร์กรณีเข้าป่าล่าสัตว์พยานมัดแต่คนขับรถรอดศาลให้วางเงินประกัน 2 แสน สั่งห้ามออกเมืองนอก ยันยื่นสู้ชั้นอุทธรณ์
เมื่อเวลา 09.30น.วันที่ 11มิถุนายน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค7 จ.สมุทรสงคราม นัดอ่านคำพิพากษาคดีติดสินบนเจ้าพนักงานหมายเลขดำ อท.10/2561-คดีหมายเลขแดง อท.13/2562 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค7 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง”นายเปรมชัย กรรณสูต” อายุ 64 ปี ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน)และ”นายยงค์ โดดเครือ”อายุ 66 ปี คนขับรถของนายเปรมชัย เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานกระทำความผิดต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ประกอบมาตรา 83
และขอให้นับโทษของนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกในคตีอาญาหมายเลขแดง อ.63/2562 ของศาลจังหวัดทองผาภูมิ (คดีร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่า-ล่าเสือดำ)และโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1143/2561 (คดีร่วมภรรยาครอบครองงาช้างแอฟริกา 2 คู่) , อ.1144/2561 (คดีครอบครองอาวุธปืนไรเฟิล) ของศาลอาญา รวมทั้งให้นับโทษตำคุกนายยงค์ จำเลยที่ 2 ต่อจากโทษคดีอาญาหมายเลขแดง อ.63/2562 ของศาลจังหวัดทองผาภูมิด้วย (คดีร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่า-ล่าเสือดำ) จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศรด้านตะวันตก เป็นประจักษ์พยาน เบิกความยืนยันข้อความที่นายเปรมชัยจำเลยที่1พูดกับนายวิเชียรว่า “จะให้นายนพดล พฤกษะวัน มาเคลียร์มีหนทางช่วยเหลือกันได้ไหม มีเงื่อนไขอะไรไหม ถ้าปล่อยพวกผมอยากได้อะไรผมก็จะหามาให้”นอกจากนี้ ยังมีพยานโจทก์ปากอื่น เบิกความสนับสนุนว่านายเปรมชัยพูดข้อความดังกล่าวกับนายวิเชียรจริง
เมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ที่”นายเปรมชัย”จำเลยที่ 1พูดต่อ”นายวิเชียร”ภายหลังที่ถูกจับขณะที่มีการสอบถามข้อเท็จจริงภายในอาคารนิทรรศการและศูนย์บริการของสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรดันตะวันตก ที่ควบคุมตัว”นายเปรมชัย”จำเลยที่ 1กับพวกแล้ว ศาลเห็นว่าเป็นสถานที่ไม่กว้าง ไม่มีเสียงแวดล้อมอื่นใดรบกวน การพูดในขณะที่ถูกควบคุมตัวอยู่นั้น”นายเปรมชัย”จำเลยที่ 1และ”นายวิเชียร”กับพยานโจทก์ ย่อมอยู่ใกล้กันมีโอกาสได้ยินข้อความที่พูด อีกทั้ง ข้อความดังกล่าวเป็นข้อควานที่สั้นๆไม่ยืดยาว ย่อมอยู่ในวิสัยที่น่าจะจดจำได้ ประกอบกับพฤติการณ์”นายเปรมชัย”พูดหลังจากทีโดยจับแม้ข้อความจะไม่ได้ ระบุว่าจะให้อะไรโดยตรงก็ตาม แต่ก็น่าจะสื่อได้ว่า”นายเปรมชัย”ต้องการให้ทรัพย์สินหรือ ประโยชน์อื่นใดเป็นการตอบแทนเพื่อให้ปล่อยตัวไป
การกระทำของ”นายเปรมชัย” จำเลยที่ 1นั้น จึงมีลักษณะเป็นการขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ อันมิชอบด้วย อันเป็นความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ตามฟ้องโจทก์
ส่วน”นายยงค์”จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นคนขับรถได้พูดคุยกับนายจิตติ สวัสดิ์สายและนายศุภกิต พรหมมี พยานโจทก์ ก็เป็นการสนทนาพูดคุยระหว่างกันเองโดยลำพังเท่านั้น จึงฟังไม่ได้ว่า”นายยงค์”จำเลยที่ 2 ร่วมกับ”นายเปรมชัย”จำเลยที่ 1ที่ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานฯ “นายยงค์”จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดตามฟ้องโจทก์
พิพากษาว่า”นายเปรมชัย”จำเลยที่ 1มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ให้จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญาและให้นับโทษจำเลยที่1ต่อจากโทษจำคุกคดีในศาลจังหวัดทองผาภูมิด้วย ในส่วนของ นายยงค์” จำเลยที่2 พิพากษายกฟ้อง ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1143/2561 , อ.1144/2561ของศาลอาญาด้วยนั้น เนื่องจากคดีทั้งสองศาลอาญา ยังไม่มีคำพิพากษา ให้ยกคำขอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่า-ล่าเสือดำในศาลจังหวัดทองผาภูมิ กาญจนบุรีนั้น ศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 มี.ค.62 ให้จำคุก “นายเปรมชัย” เป็นเวลา 16 เดือน ดังนั้นเมื่อนับโทษต่อจากคดีนี้ รวมจำคุก “นายเปรมชัย”1ปี 16เดือน ส่วนนายยงค์ คนขับรถของนายเปรมชัย คดีร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่า-ล่าเสือดำ ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ให้จำคุก 13เดือน ขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างอุทธรณ์ชั้นศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษาให้จำคุก 1ปี โดยไม่รอลงอาญา เสร็จสิ้น ทางทนายความของนายเปรมชัย ได้ยื่นขอประกันตัวนายเปรมชัย เพื่อขอต่อสู้ชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นสมควร ให้ประกันตัว โดยตีราคาประกันตัว เป็นเงินสดจำนวน 200,000 บาท โดยมีเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต
และเมื่อได้รับการประกันตัวแล้ว นายเปรมชัยเดินทางกลับทันที พร้อมปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยบอกเพียงสั้นๆว่า“ไม่สบาย สุขภาพไม่ดี ขาเจ็บแต่จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป”
ด้านนายทะนง ตะภา อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานปราบปรามคดีทุจริต ภาค 7 เผยว่าไม่รู้สึกหนักใจ หากจำเลยจะยื่นอุทธรณ์ เพราะทุกอย่างมีการพิจารณาการตามพยานหลักฐาน โดยต้องยอมรับว่าคดีนี้ประชาชนให้ความสนใจ ส่วนตัวคาดว่าทนายความของนายเปรมชัยน่าจะมีการยื่นขออุทธรณ์โดยทนายความฝั่งโจทก์ จะมีการพิจารณายื่นอุทธรณ์ ในกรณีที่ศาลยกฟ้องนายยงค์ต่อไป
ด้าน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยงค์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำพิพากษาจำคุก 1ปี ไม่รอลงอาญา นายเปรมชัย กรรณสูตและยกฟัอง นายยงค์ โดดเครือ คดีที่อัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7ยื่นฟ้องทั้ง2คนข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงานว่าเป็นคดีตัวอย่างที่ยืนยันได้ว่ากฎหมาย ไม่ได้เลือกปฏิบัติ คำกล่าวที่เป็นอคติต่อกระบวนการยุติธรรมที่ว่า“คุกมีไว้ขังแต่คนจนคนรวยไม่ติดคุก”ควรเลิกคิดกันได้แล้ว เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ปฏิบัติงานตามกฎหมาย จะต้องปฏิบัติงานโดยยึดหลักนิติธรรมกล่าวคือไม่มีการเลือกปฏิบัติ ทุกคนไม่ว่า จะมีฐานะทางสังคมเช่นไร ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน มีสิทธิ์ และเสมอภาคเท่าเทียมกันตามกฎหมาย
“สังคมไทยคงได้บทเรียนอีกบทหนึ่ง ที่ลบคำกล่าวหากระบวนการยุติธรรม ว่าเลือกปฏิบัติระหว่างฐานะ จน รวย ขอให้คนที่ยังมีอคติเรื่องฐานะ กับกระบวนการยุติธรรม เลิกคิดและ มาช่วยกันตรวจสอบ สอดส่อง ดูแล ชี้เบาะแสแจ้งหลักฐานให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์และมีประสิทธิภาพจริง ดังเช่นคดีนี้ มาช่วยกันรักษาหลักนิติธรรม ให้สังคมไทยมีมาตรฐานเดียวเท่านั้น ดังสุภาษิต”กฎหมายจะไม่เลือกปฏิบัติ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี