17 มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ร้อย ตชด.237 อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง มีการตรวจยึด รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีขาว ทะเบียน 1 ฒศ 7233 กรุงเทพมหานคร บรรทุกไม้พะยูงซึ่งเป็นไม้หวงห้ามตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ จำนวน 6 ท่อน ท่อนละประมาณ 2 เมตร รวมปริมาตร ประมาณ 2.80 ลูกบาศก์เมตร มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท สามารถตรวจยึดได้ในขณะที่ นายพัฒนพงษ์ รัตนมาลี อายุ 40 ปี คนขับรถ ขับรถขนไม้พะยูงดังกล่าว มาถึงบริเวณถนนทางหลวงแผ่นดิน ระหว่างรอยต่อ บ้านท่าดอกแก้ว ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน - อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เมื่อกลางดึกของวันที่ 12 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดไว้เพื่อตรวจสอบ เพราะเกรงว่าจะมีการลักลอบตัดจากที่ใดที่หนึ่ง เพื่อไปส่งขายประเทศเพื่อนบ้านโดยผิดกฎหมาย
ล่าสุด จากการตรวจสอบพบว่าไม้พะยูงดังกล่าว เป็นไม้เก่าแก่มีอายุกว่า 200 ปี ที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์ไว้ ในวัดป่าสุภราราม บ้านปากอูน ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม โดยมีนายทุนได้ไปติดต่อขอซื้อมาในราคา 1.2 ล้านบาท หลังจากนั้นทางคณะกรรมการวัดได้ขอประชามติจากชาวบ้าน และมีความเห็นตรงกันว่าให้ตัดขาย เพื่อนำเงินจากการขายไม้พะยูงไปพัฒนาวัด ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเผยว่าสามารถทำได้ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2562 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 17 เมษายน 2562 และมีการแก้ไขความในวรรคหนึ่ง มาตรา 7 มีผลให้ไม้ทุกชนิดที่ขึ้นในที่มีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครอง ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่เป็นหวงห้าม ดังนั้นการทำไม้ การแปรรูปไม้ และการเคลื่อนย้ายไม้ที่ขึ้นในที่ดินมีกรรมสิทธิ์ครอบครอง สามารถทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ทำให้ทางวัดกับชาวบ้านมีมติขายนำเงินพัฒนาวัด
ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ต้นพะยูงดังกล่าวอยู่ห่างจากสายตาพระในวัดมาก เพราะอยู่เกือบสุดที่ดินของวัด ซึ่งบริเวณนั้นได้สร้างเมรุไว้เผาศพ และมักถูกแก๊งมอดไม้พะยูงแอบลักลอบจะตัดไปขายหลายครั้ง ทางวัดจึงตัดปัญหาขายเลยดีกว่า ขืนรักษาไว้ไม่นานต้องถูกขโมยตัดแน่นอน ทั้งนี้หลังการตรวจสอบทางเจ้าหน้าที่ ได้ส่งคืนนายทุน พร้อมกำชับว่า สามารถตัดขายได้ แต่ไม่สามารถส่งออกขายประเทศเพื่อนบ้านได้ หากไม่มีการขออนุญาตตามกฎหมาย
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อยืนยันหาที่มาของ ไม้พะยูงดังกล่าว ที่วัดป่าสุภราราม โดยได้พบกับพระอธิการสกล อภิญาโณ อายุ 52 ปี เจ้าอาวาสวัด ได้พาไปตรวจสอบตอไม้พะยูง พร้อมยืนยันว่าไม้พะยูงเป็นไม้ของทางวัดจริง มีอายุเก่าแก่อยู่คู่มากับวัดอายุไม่ต่ำกว่า 200 ปี ซึ่งวัดแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ เนื้อที่กว่า 50 ไร่ เป็นพื้นที่ป่า มีต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก รวมถึงไม้พะยูง ก่อนนี้เคยเกิดปัญหา ทั้งถูกโจรขโมยไม้พะยูงคุกคาม ข่มขู่ ลักลอบตัดไป ถึง 2 ครั้ง เมื่อปีที่ผ่านมา เพราะช่วงกลางคืนวัดมีพื้นที่ป่าเยอะ พระสงฆ์จึงไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง และเสี่ยงอันตราย
สำหรับต้นนี้อยู่หลังวัดดูแลยากและมีขนาดใหญ่ จนกระทั่งมีการออกกฎหมาย พระราชบัญญัติ ป่าไม้แก้ไขฉบับใหม่ จึงหารือกับชาวบ้าน กรรมการวัด ลงมติขายให้นายทุน ที่มาติดต่อซื้อ เป็นเงิน 1.2 ล้านบาท เพื่อนำเงินเข้าวัด ตัดปัญหาคอยระวังภัยจากแก๊งมอดไม้ ขอยืนยันว่าทำถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่ไม่รู้ว่านายทุนจะเอาไปทำอะไร เพียงทางวัดขายถูกต้องตามกฎหมายระบุ และนำเงินเข้าวัดทุกบาท เพื่อไว้พัฒนาวัด ส่วนต้นไม้พะยูงที่เหลือ อยู่ใกล้กุฏิยังสามารถดูแลได้ และในวัดยังมีวงจรปิด ซึ่งชาวบ้านกับกรรมการวัดช่วยกันสอดส่องดูแลร่วมกัน
“อย่างไรก็ตามในการแก้กฎหมายใหม่ถือเป็นเรื่องดี และเห็นด้วยกับการใช้กฎหมายเกี่ยวกับการตัดไม้หวงห้ามในพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์ จะได้ลดปัญหาการลักลอบตัด และการกระทำผิดกฎหมาย รวมถึงสามารถนำเงินไปใช้ประโยชน์ได้ เพราะไม้พะยูงมีมูลค่าสูง”พระอธิการสกลฯ เจ้าอาวาสวัดป่าสุภราราม กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี