“กษ.เล็งทำประกันภัยให้ครอบคลุมการเกษตรทุกชนิด ลดภาระงบ- แก้ความซ้ำซ้อน รัฐแจกเงินช่วยเหลือเกษตรกรประสบภัยพิบัติ ได้ไม่ต่ำกว่าปีละ2หมื่นบาท สทนช.ชี้ปี51-61 โปรยงบ1.6แสนล้านบาทเยียวยาน้ำท่วม-ภัยแล้ง“
17 มิ.ย.62 นางสาวจริยา สุทธิไชยา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่ากำลังเจรจาและหารือกับ สำนักงานคณะกรรมการการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการขับเคลื่อนนโยบายการปฏิรูปประกันภัยการเกษตร เพื่อขยายโครงการประกันภัยให้ครอบคลุมการเกษตรทุกชนิด จะทำให้ลดความซ้ำซ้อนในการช่วยเหลือเกษตรกร จากสถิติความเสียหายจากภัยพิบัติที่รัฐบาลต้องจ่ายชดเชยเยียวยาในแต่ละปีไม่ตํ่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ถ้ามีบริษัทประกันภัยมาช่วย จะทำให้เกษตรกรได้เงินเร็วขึ้นด้วย ในสัดส่วนความเสียหายจ่ายแบบรายแปลง โดยเฉพาะความเสียหายจากภัยแล้ง น้ำท่วม ลมพายุ ลูกเห็บตก โรคระบาดเพลี้ยและแมลง
ทั้งนี้ที่ผ่านมางบประมาณช่วยเหลือเยียวยาน้ำท่วม ภัยแล้ง ของรัฐบาล จากปี 51-54 เป็นวงเงิน 50,281 ล้านบาท ปี 54-57 เป็นวงเงิน 89,777 ล้านบาท ปี 57-61 เป็นวงเงิน 18,574 ล้านบาท ซึ่งสถิติจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)
นางสาวจริยา กล่าวว่า อาจต้องจ้างบริษัทเซเวเยอร์ตรวจสอบ ที่เป็นบริษัทกลาง หรือใช้บริษัทประกันภัยเข้าไปตรวจสอบ โดยกำหนดสัดส่วนความเสียหายที่ต้องจ่าย ซึ่งไม่จำเป็นต้องรอความเสียหายถึง 80% ภาครัฐจึงจะใช้งบประมาณรัฐชดเชยความเสียหายได้ ดังนั้นต้องพัฒนาระบบการตรวจสอบพื้นที่เสียหายซึ่งยังใช้เวลาหลายปี
ในส่วนทางเลือกที่ 2 สามารถประเมินความเสียหายตามรายแปลง ต้องให้เกษตรกรสมัครใจเข้ามาทำประกันภัยโดยไปประเมินจ่ายรายแปลง อาจจะไม่ต้องมีการประกาศ แต่จะต้องเสียค่ารถจักรยานยนต์เข้าไปตรวจสอบ
“กำลังคิด2ทางเลือกก่อน โดย ธ.ก.ส.จะเป็นตัวกลางคุยกับบริษัทประกันภัย หากดึงทุกพืช ทุกสินค้าปศุสัตว์เข้าร่วมโครงการจะส่งผลทำให้เบี้ยประกันถูกลง ที่สำคัญช่วยลดภาระงบประมาณรัฐ ทั้งนี้เมื่อมีการปรับเปลี่ยนระบบการให้ความช่วยเหลือในระบบเดิมเข้าสู่ระบบประกันภัย ควรยกเลิกการให้ความช่วยเหลือเยียวยาในระบบเดิมเพื่อไม่ให้เกิดความซํ้าซ้อน“ เลขาฯสศก.กล่าว
สำหรับปัจจุบันภาครัฐได้ดำเนินการประกันภัยในสินค้าเกษตรเศรษฐกิจต่างๆ เช่น ประกันภัยข้าวนาปี ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ยังมีประกันภัยที่ดำเนินการโดยบริษัทประกันภัยกับเกษตรกรโดยตรง เช่น ทุเรียน รวมไปถึงหน่วยงานต่างๆ เช่น คปภ. และธ.ก.ส.ได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการประกันภัยสินค้าชนิดอื่นๆ เช่น โคนม มันสำปะหลัง กุ้ง
การชดเชยและการให้ความช่วยเหลือ ในรูปการประกันภัยพืชผล เป็นการคุ้มครองความเสียหายหรือสูญเสียต่อพืชผลที่เอาประกันภัย อันเกิดจากภัยธรรมชาติตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยอาจกำหนดให้คุ้มครองภัยทุกชนิด หรืออาจกำหนดให้คุ้มครองจากภัยพิบัติบางอย่างโดยเฉพาะ เช่น นํ้าท่วม ภัยแล้ง ลมพายุ ลูกเห็บตก ขึ้นอยู่กับพื้นที่และชนิดของพืชที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแตกต่างกัน
ทั้งนี้การประกันภัยพืชผลจะกำหนดระยะเวลาคุ้มครองไว้ล่วงหน้า โดยระยะเวลาคุ้มครองนี้จะตรงกับช่วงระยะเวลาเพาะปลูกของพืชแต่ละชนิด ดังนั้นการทำประกันภัยจึงต้องทำก่อนเริ่มระยะเวลาเพาะปลูกของพืชแต่ละชนิด จะเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่ใช้เป็นเครื่องมือช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดระบบการเงิน เพื่อคุ้มครองต้นทุนการผลิตเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ คุ้มครองปริมาณผลผลิตที่ลดตํ่าลง และคุ้มครองราคาผลผลิตที่ผันผวน ซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพทางรายได้และความมั่นคงในอาชีพให้แก่เกษตรกร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี