ครม.เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงขออนุญาต-ออกใบอนุญาตโฆษณากัญชาตามหลักเกณฑ์ 6 ข้อ ที่ สธ.เสนอ ด้านกรมสุขภาพจิตตั้งกก.วิจัยกัญชารักษาโรคจิตเวช ศึกษาผลดีผลเสียรอบด้าน ขณะที่กรมแพทย์แผนไทยเลื่อนปลูกกัญชาในภาคอีสาน ติดปัญหายื่นเอกสารขออนุญาตปลูกผลิตเพิ่ม คาดลงมือได้ต้นก.ค.
เมื่อวันที่ 18มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับโฆษณายาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง คือ
1.กำหนดให้ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำเข้าซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา ที่ประสงค์จะขออนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา ที่ได้รับการรับรองตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต้องยื่นคำขอตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง 2.กำหนดให้การพิจารณาอนุญาตโฆษณายาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชาได้เฉพาะกรณี เพื่อการโฆษณาที่ทำโดยตรงต่อผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพสัตวแพทย์ ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือเป็นฉลาก หรือเอกสารกำกับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่ภาชนะหรือหีบห่อบรรจุยาเสพติดให้โทษนั้น
3.กำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาตและให้ผู้รับอนุญาตยื่นคำขอต่อผู้อนุญาตพร้อมเอกสารหรือหลักฐานตามที่กำหนด 4.กรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการหนังสือรับรองผลิตภัณฑ์ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา หรือเอกสารวิชาการที่ได้รับอนุญาต ให้ผลิตหรือนำเข้าในสาระสำคัญ ซึ่งทำให้แตกต่างจากการโฆษณาที่ได้รับอนุญาตไว้แล้ว ให้การอนุญาตนั้นสิ้นสุดลง 5. กำหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องโฆษณาตามที่ได้รับอนุญาตและระบุเลขที่ใบอนุญาตไว้ในสื่อโฆษณาทุกครั้ง และ6. กำหนดให้คำขออนุญาต ใบอนุญาต และใบแทนใบอนุญาตให้เป็นไปตามแบบที่เลขาธิการ อย.กำหนด
ด้านนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ว่า กรมฯตั้งคณะกรรมการการใช้กัญชาทางการแพทย์ขึ้น เพื่อให้หน่วยงานในสังกัดกำหนดขอบเขตและแนวทางการศึกษาวิจัยทางคลินิก รวมถึงจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวช ต่อคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ สำหรับสถาบัน โรงพยาบาลในสังกัดกรมสุขภาพจิต โดยคณะกรรมการฯ มีหน้าที่รับผิดชอบ ดังนี้ 1.วิเคราะห์สถานการณ์ด้านสุขภาพจิต ข้อดีข้อเสียของการใช้กัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ 2.จัดทำข้อเสนอแนะและแผนขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์ ภายใต้ข้อกำหนดสากลและข้อบังคับของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3.วางแผนสนับสนุน พัฒนาการใช้กัญชาทางการแพทย์ และ4.กำกับ ติดตามแผนการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์
ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้หารือแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุด หน่วยงานในสังกัดกรมสุขภาพจิตเสนอหัวข้อทำวิจัยต่อคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณา อาทิ ตำรับยาศุขไสยาศน์ ช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ โดยกรมสุขภาพจิตร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โครงการวิจัยและพัฒนาน้ำมันกัญชาเพื่อการรักษาผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม โดยกรมสุขภาพจิตร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช การศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยทางคลินิกของสารซีบีดี เพื่อรักษาผู้ป่วยโรควิตกกังวลไปทั่ว ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการจัดทำวิจัยตามมาตรฐานของการวิจัยต่อไป
นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สธ.เผยว่า ตามที่กรมฯกำหนดปลูกกัญชาในภาคอีสานวันที่ 18 มิถุนายน โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน วิทยาเขตสกลนคร และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร และผลิตเป็นยาโดย รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ขณะนี้ยังติดปัญหาต้องส่งเอกสารขออนุญาตปลูกและผลิตเพิ่มเติม จึงยังต้องเลื่อนการปลูกและผลิตออกไปก่อน คาดว่าจะเริ่มปลูกและผลิตได้ปลายเดือนมิถุนายน-ต้นกรกฎาคม
ส่วนกรณีนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ห่วงเรื่องการใช้ตำรับยาหมอพื้นบ้านที่มีกัญชาปรุงผสม อาจติดขัดเรื่องวัตถุดิบ นพ.มรุตกล่าวว่า น้ำมันกัญชาของนายเดชาแยกเป็น 2 ส่วนคือ 1.ส่วนงานวิจัยร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรงนี้จุฬาฯเป็นผู้ขอกัญชามาผลิตเพื่อวิจัยได้ และ 2.ส่วนการใช้เป็นตำรับยาหมอพื้นบ้าน ต้องรอผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการอีก 2 ชุด จึงจะใช้ได้ ส่วนคุณสมบัติหมอพื้นบ้านที่จะใช้กัญชาต้องเป็น หมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ขณะนี้มีการออกระเบียบ สธ.ว่าด้วยการรับรองหมอพื้นบ้าน พ.ศ. 2562 ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556 เพื่อรับรองหมอพื้นบ้านทั้งรายเก่าและรายใหม่ จึงต้องไปออกหลักเกณฑ์ที่จะรับรองหมอพื้นบ้านเพิ่มเติม เพื่อประกาศประเภทของหมอพื้นบ้าน และนายเดชาเป็นหมอพื้นบ้านประเภทไหน เมื่อมีคุณสมบัติครบจึงจะใช้ตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสมได้ ส่วนหมอพื้นบ้านรายอื่น เมื่อรับรองเป็นหมอพื้นบ้านตามระเบียบใหม่แล้ว ก็ต้องไปอบรมการใช้กัญชา เพื่อขึ้นทะเบียน จึงจะใช้ได้เช่นกัน
ขณะที่นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เสนอมาตรการกำกับดูแลการใช้กัญชาทางการแพทย์ 4 ประเด็นคือ 1.ให้ตั้งองค์กรกลางกำกับดูแลกัญชา กัญชง กระท่อม แยกออกมาเป็นหน่วยงานกัญชาแห่งชาติโดยตั้งภายใต้ ครม. เพื่อให้การขออนุญาตผลิต ปลูก พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ทันเวลา กำกับดูแลแบบองค์รวม พร้อมจัดหาผลิตภัณฑ์ใช้รักษาผู้ป่วยได้ รวมถึงวิธีการ ข้อบ่งใช้ และแจกหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาให้ผู้ป่วยเพียงพอในระยะเปลี่ยนผ่าน 2 ส่งเสริมให้ปลูกเพื่อใช้ทางการแพทย์เองในชุมชน โดยวิสาหกิจชุมชน ชาวบ้าน เกษตรกร โดยสนับสนุนจากสภาเกษตร อสม สสจ และ รพสต
3. ส่งเสริมการพัฒนา ลงทุนในห่วงโซ่อุปทาน แยกผลิตภัณฑ์ตามความเสี่ยง ตั้งแต่ ปรับปรุง ขยายพันธุ์ ปลูกต้นกล้า เพาะเมล็ด พัฒนาตำรับ ไปจนถึงรับรองตำรับที่จำหน่ายให้ครบทุกวงจร โดยใช้องค์กรกลางกำกับ ดูแลแบบ commercial production and sale และ4.ให้เป็นวาระแห่งชาติในการให้ความรู้ทางกฎหมาย มาตรการการใช้รักษาทางการแพทย์กับทุกภาคส่วนเกี่ยวกับข้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี