ลุ้นผลสอบข้อเท็จจริง"อัยการกาฬสินธุ์"ฟ้อง4จำเลยอุ้มเรียกค่าไถ่สาว"โอปอ"ไม่ทันเวลา จนศาลปล่อยตัว "รองโฆษกอัยการ"เผยกก.สอบข้อเท็จจรองลงพื้นที่เรียกสอบหมด เสร็จรอสรุปผล"อธ.อัยการภาค4"ชี้ขาด แจงยิบยื่นฟ้องครั้งแรก5คน แต่4คนปฏิเสธศาลให้แยกฟ้อง แต่อัยการพลาดไม่ทันกำหนด20มี.ค.62 สุดท้ายออกหมายจับมาฟ้องใหม่ต้นสัปดาห์
18 มิ.ย.62 นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น กรณีที่ปรากฏว่า มีอัยการในจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นผู้พิจารณาสำนวนคดีอุ้ม น.ส.ประภาพรรณ หรือ โอปอ อายุ 26 ปี เรียกค่าไถ่ ยื่นฟ้องกลุ่มจำเลยในคดีไม่ทันตามเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ จนต้องปล่อยทั้งหมดไป ว่า สำหรับคดีอุ้มเรียกค่าไถ่ดังกล่าวนั้น เมื่อพนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ แล้วมีความเห็นสั่งให้ยื่นฟ้องกลุ่มผู้ต้องหาครั้งแรกไปทั้งสิ้นครบจำนวน 5 คน โดยเมื่อยื่นฟ้องเป็นจำเลยแล้ว ในชั้นสอบคำให้การจำเลยทั้งห้าก็ให้การปฏิเสธ แต่ปรากฏว่า เมื่อจะเริ่มสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันที่ 5 มี.ค.62 ก็ปรากฏว่า นายสุรศักดิ์ หรือ แป๋ม จันทร์เพ็ง อายุ 20 ปี ที่ถูกฟ้องในเฉพาะข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ได้ขอให้การรับสารภาพ
ส่วนจำเลยอีก 4 คน ประกอบด้วย นายธนารัตน์ หรือ โชค ภูโชคชัย อายุ 23 ปี , นายมานะศักดิ์ หรือ เปรี้ยว อุดมพันธ์ อายุ 23 ปี , นายศุภมิตร บัญชา อายุ 30 ปี , นายรัฐศาสตร์ ภูนายาว อายุ 34 ปี ที่ถูกฟ้องในข้อหาร่วมกันเรียกค่าไถ่ ที่อัตราโทษสูง จะต้องสืบพยานประกอบที่เคยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ศาลจึงให้แยกฟ้องจำเลย 4 คน เข้ามาใหม่ภายใน 15 วัน คือ ไม่เกินวันที่ 20 มี.ค.นับจากวันที่ศาลมีคำสั่งวันที่ 5 มี.ค.62
กระทั่งถึงวันที่ 20 มี.ค.62 ปรากฏว่า ทางอัยการที่รับผิดชอบจำนวนดังกล่าว ไม่ได้ยื่นคำฟ้องจำเลยทั้ง 4 เข้าไปใหม่ ดังนั้น เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์จึงมีคำสั่งปล่อยจำเลยทั้ง 4 ไป เนื่องจากอัยการไม่ได้ยื่นฟ้องคดีเข้าไปใหม่ตามเวลาที่กฎหมายกำหนด กระทั่งเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงเรื่องนี้ในภายหลัง ผู้บริหารในสำนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ ประสาน ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ และทางศาล ขอออกหมายจับจำเลยทั้ง 4 เพื่อจะนำตัวมายื่นฟ้องเป็นคดีใหม่
ทั้งนี้ ทางกฎหมาย แม้ว่าศาลจะปล่อยตัวไปเนื่องจากอัยการยื่นฟ้องตามกำหนดไม่ทัน แต่กฎหมายยังสามารถให้อำนาจในการไปติดตามจับตัวจำเลยมายื่นฟ้องได้ โดยห้ามนำตัวไปขอฝากขังอีกแต่ให้นำตัวมายื่นฟ้องต่อศาลทันที ซึ่งศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ก็ได้ออกหมายจับไว้ เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ติดตามจับตัวกับนายธนารัตน์ กับนายศุภมิตร ได้เมื่อวันเสาร์ที่ 15 มิ.ย.และเมื่อเช้าวันที่ 17 มิ.ย.ก็จับนายมานะศักดิ์ กับนายรัฐศาสตร์ ได้ โดยเมื่อจับผู้ร่วมกระทำผิดได้ครบทั้ง 4 คนแล้ว อัยการก็ได้นำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนสาเหตุว่าทำไมอัยการเจ้าของสำนวนจึงยื่นฟ้องใหม่จำเลยทั้ง 4 ไม่ทันตามที่ศาลกำหนดไว้นั้น ก็เป็นเรื่องที่สำนักงานอัยการสูงสุด โดยสำนักงานอัยการภาค 4 (พื้นที่เกิดเหตุ) ไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่ง นายสุทธิ ผ่องอ่อน อธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการภาค 4 ก็ได้ออกคำสั่งที่ 51/2562 ลงวันที่ 17 มิ.ย.62 ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ วิริยะพาณิชย์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานอัยการภาค 4 เป็นประธานฯ , นายภิรัตน์ ควรสนธิ อัยการอาวุโส คดีอาญาภาค 4 เป็นกรรมการ และ น.ส.รัชณีวรรณ เสวกพิบูลย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษคดีอาญาภาค 4 เป็นกรรมการและเลขานุการ ซึ่งกรรมการชุดนี้มีหน้าที่ สอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดอัยการเจ้าของสำนวนจึงไม่ฟ้องคดีของสีดำเลยเข้าไปภายในเวลาที่กำหนดจนเกิดเป็นเรื่องขึ้นมา
ขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นในเรื่องดังกล่าวได้เดินทางเข้าไปในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ และอัยการเจ้าของสำนวน ซึ่งเป็นอัยการมีความอาวุโสชั้น 4 ดำรงตำแหน่ง อัยการจังหวัดประจำ อส.เป็นผู้กลั่นกรอง ซึ่งตำแหน่งนี้เตรียมจะเลื่อนตำแหน่งเป็นอัยการจังหวัด (ระดับหัวหน้าอัยการในจังหวัดนั้นๆ) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อหาสาเหตุ โดยได้ดำเนินการตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนทราบว่าดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ก็กำลังสรุปสาเหตุทั้งหมด ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปเมื่อสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วก็จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดพร้อมความเห็นของคณะกรรมการฯ เสนอต่ออธิบดีอัยการสำนักงานอัยการภาค 4 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดที่ดูแลในพื้นที่ดังกล่าว พิจารณาและมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไป
เมื่อถามว่า จากเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะมีผลต่อการพิจารณาโยกย้ายตำแหน่งของอัยการเจ้าของสำนวนดังกล่าว ที่กำลังมีโอกาสจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นอัยการจังหวัดหรือไม่ นายประยุทธ รองโฆษกอัยการ กล่าวว่า สุดท้ายแล้วก็จะต้องรอดูผลสรุปของการสอบสวนข้อเท็จจริงนี้เป็นหลักเสียก่อน
ส่วนที่กรณีนี้ที่ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 4 เกี่ยวกับคดีอุ้มเรียกค่าไถ่ไม่ทัน จะมีมูลเหตุเกี่ยวกับการได้รับผลประโยชน์จากจำเลยนั้นด้วยหรือไม่ นายประยุทธ รองโฆษกอัยการ กล่าวชี้แจงว่า ก็ต้องผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้น แต่เท่าที่ปรากฏขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลร้องเรียนประเด็นนี้
ขณะที่ นางนฤมล วิเชียรแสน อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า หลังเกิดเรื่อง อธิบดีอัยการสำนักงานอัยการภาค 4 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นถึงเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว โดยคณะกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงว่าเรื่องดังกล่าวมีเหตุขัดข้องเกิดจากอะไร ส่วนจะเข้าข่ายผิดวินัยอย่างไรหรือไม่ เป็นอำนาจของคณะกรรมการฯ ที่ถูกตั้งขึ้นจะเป็นผู้วินิจฉัยต่อไป ตนมีหน้าที่เพียงรายงานข้อเท็จจริงขึ้นไป ซึ่งตามระเบียบ หากคณะกรรมการดังกล่าวสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีมูลที่จะเป็นวินัย ก็จะต้องตั้งกรรมการขึ้นมาอีกชุดหนึ่งเพื่อสอบสวนวินัย
เมื่อถามว่า มีกรอบระยะเวลาในการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า จะต้องเป็นไปโดยเร็วที่สุด ซึ่งคณะกรรมการได้เรียกพยานไปสอบแล้วเมื่อสอบจนได้ความ ก็จะทำความเห็นส่งไปยังอธิบดีอัยการสำนักงานอัยการภาค 4 เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี