นายกฯ ห่วงปัญหาจราจรติดขัดช่วงประชุมสุดยอดอาเซียน 22-23 มิถุนายน ทำประชาชนเดือดร้อน กำชับห้ามปิดถนนทั้งวัน แค่ปิดบางเลนช่วงรถผ่าน วิษณุเผยบิ๊กป้อมรายงาน คสช.-ครม.การรักษาความปลอดภัย ไม่มีอะไรน่าวิตก ยันรัฐบาลดูแลเต็มที่ ตม.สุวรรณภูมิ ตรวจเข้มบุคคลสัญชาติ เป้าหมาย ยกระดับเฝ้าระวังรับมือถกอาเซียน
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ช่วงวันที่ 22-23 มิถุนายนว่าในที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายกฯได้สอบถามเรื่องนี้เพราะถือเป็นเรื่องเกียรติยศที่เราจะให้ผู้นำประเทศต่างๆ เหมือนเวลาที่เราไปประชุมต่างประเทศ การให้เกียรติ เขาจะมีรถมอเตอร์ไซด์ตำรวจนำกี่คัน รถพยาบาลตามกี่คัน เราก็จะจัดอย่างเดียวกัน โดยจะอำนวยความสะดวกตั้งแต่สนามบินจนถึงโรงแรมที่พัก และจากโรงแรมที่พัก ไปถึงโรงแรมที่ประชุม คือโรงแรมพลาซ่า แอทธินีและรวมถึงการเดินทางกลับจนไปถึงสนามบิน
นอกจากนี้ คู่สมรสก็จะมีโปรแกรมแยกไปต่างหากในวันอาทิตย์ ที่สำคัญนายกฯได้ซักซ้อมเรื่องของการจราจรที่เกรงจะติดขัด จึงกำชับไปว่าไม่ให้ปิดถนน ให้ประชาชนใช้ถนนได้ เพียงแต่อาจจะกันบางเลนไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงตอนที่รถผ่าน ไม่ได้ปิดทั้งวัน และเป็นช่วงเสาร์ อาทิตย์อยู่แล้ว ก็คงไม่ติดขัดมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯเป็นห่วงเหตุการณ์ชุมนุมที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจะมาป่วนการประชุมจนเกิดความเสียหายหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า นายกฯอาจพูดในวงประชุมอื่นไปแล้ว แต่วงประชุม คสช.เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนไม่มีการพูดถึง เพราะเรื่องนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ดูแลอยู่แล้ว ซึ่งได้รายงานทั้งในที่ประชุม คสช.และครม.แล้วว่า ไม่มีอะไรน่าวิตก ยืนยันรัฐบาลชุดนี้จะดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ไม่ให้ซ้ำรอยการประชุมอาเซียนปี 2552 เด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวงรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผชบ.สตม.)สั่งกำชับให้ตำรวจในสังกัด บก.ตม.2ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองบุคคลต่างด้าวที่เดินทางเข้าออกราชอาณาจักรให้ยกระดับการเฝ้าระวัง เพิ่มความเข้มงวดตรวจบุคคลสัญชาติเป้าหมายที่อาจมีผลกระทบต่อความไม่สงบในช่วงประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่34ระหว่าง วันที่ 20-23 มิถุนายนนี้ เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้ผู้นำทั้ง10ประเทศอาเซียน ที่จะเดินทางมาร่วมประชุม ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพและประธานอาเซียน ต้องดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพด้วยมาตรฐานสากล เร่งแก้ภาพลักษณ์ความล่าช้าในการตรวจคนเข้าออกและเข้มงวดการตรวจเอกสารการเดินทางให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง ของตม. เพื่อกวาดล้างปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและคนต่างด้าวที่มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ
วันเดียวกัน นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขานุการประธานรัฐสภา แถลงความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดหารือระหว่างคณะผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียนกับผู้นำอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียน (AIPA)ครั้งที่34 ระหว่างวันที่ 20-23มิถุนายนที่โรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนตัลว่าขณะนี้เราพร้อมแล้ว การประชุมครั้งนี้ถือเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐสภาไทยต้องดำเนินการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมเกียรติภายใต้ระยะเวลาจำกัด
“เราได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากประเทศในกลุ่มอาเซียนและได้รับการตอบรับเข้าร่วมประชุมแล้ว 6 ประเทศคือ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา สิงค์โปรและเวียดนาม ซึ่งขอขอบคุณนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาที่เตรียมการไว้อย่างดี รวมถึงข้าราชการประจำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมมาตลอด”เลขานุการประธานรัฐสภา ย้ำ
พร้อมระบุว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และมุ่งหวังจะใช้โอกาสนี้ผลักดันการทำงาน ร่วมกับอาเซียน เพื่อให้ประชาคมอาเซียนบรรลุวิสัยทัศน์อาเซียน 2025 และปูทางสู่วิสัยทัศน์อาเซียน 2040 ภายใต้แนวคิดการประชุม “นิติบัญญัติร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล เพื่อประชาคมที่ยั่งยืน” เป้าหมายเป็นเสาหลักสำคัญของประชาธิปไตยให้กลับมามีความสง่างาม เป็นที่น่าเชื่อถือและพึ่งพิงได้ของประชาชนอีกครั้ง
ด้าน พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองในการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงการปรับโอนหน้าที่ของคสช.ให้กอ.รมน.โดยจัดโครงสร้างไว้รองรับแล้วว่า หลังรัฐบาลใหม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว การทำงานของ คสช.จะยุติบทบาทลง แต่ในส่วนงานที่ผ่านมาทำแล้วยังเกิดประโยชน์ลดความเดือดร้อนให้ประชาชน ทำให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ก็จะยังสานต่อ ซึ่งการดำเนินงานของกระทรวง ทบวงกรมต่างๆก็จะเข้ามาดูแล รับผิดชอบตามบทบาทอำนาจหน้าที่ ตามกฎหมายของแต่ละกระทรวง
ในส่วนกอ.รมน.จะเข้ามาดูภาพรวมด้านความมั่นคง ในทุกมิติที่ทำอยู่ และทำหน้าที่เป็นหน่วยงานบูรณาการ ประสานงานผ่านหน่วยงานของกอ.รมน.ผ่านศูนย์ประสานการปฎิบัติที่ 1-5 (ศปป.1-5) ,กอ.รมน.ภาค1-4 และกอ.รมน.จังหวัด ประเด็นหลักคือ บูรณาการและขับเคลื่อนงานของกระทรวง เช่น หนี้นอกระบบ การจัดระเบียบสังคม โดยใช้กฎหมายที่มีอยู่คือ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 และนำมาบูรณาการกับกระทรวงที่มีกฎหมายรองรับอยู่ เข้าไปขับเคลื่อนดูแลแก้ปัญหาที่ส่งผลกระทบ และลดความเดือดของประชาชน
สำหรับเรื่องการจัดระเบียบสังคมที่คสช.ดำเนินการมา ไม่ว่าจะเรื่องการจัดระเบียบวินรถจักรยานยนต์หรือวินรถตู้โดยสารพล.ต.ธนาธิป กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ต้องดำเนินการต่อไปโดยมีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง โดยกอ.รมน.จะทำหน้าที่ประสานงานบูรณการขับเคลื่อนให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพเป็นระบบ ยึดถือการดำเนินที่ผ่านมาเป็นกรอบแนวทางที่วางแผนงานไว้
ทั้งนี้ กอ.รมน.ใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงปี 2551 เป็นตัวดำเนินการ ตอนนี้พยายามปรับให้สอดคล้องตามแผนงานยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยืนยันกอ.รมน. จะดูแลงานด้านความมั่นคงทุกมิติ สามารถแก้ปัญหาลดความเดือดร้อนให้ประชาชนให้ดีที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี