ฝากขัง “ปุ๊กกี้” พร้อมพวก เจ้าตัวสารภาพ ติดยามา 10 ปีเลิกไม่ได้ รับเป็นผู้เจรจาชาวไต้หวันไม่ซัดทอดดาราเอี่ยว ผบช.ปส.ระบุเข้าข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ มีเงินหมุนเวียนหลัก 10 ล้าน ประสานไต้หวันล่าอีก 1 ราย ที่ยังหลบหนี ขณะป.ป.ส.เร่งขยายผลสอบสวนเส้นทางการเงิน แก๊งค้าไอซ์ไทย-ไต้หวัน เผยสวมคราบนักธุรกิจสำรวจตลาดสินค้ายอดฮิต ก่อนตีเนียนส่งกางเกงยีนส์-บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชุปยาไอซ์ ขนกลับไต้หวัน
ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกเข้าจับกุมกลุ่มผู้ค้าและผลิตยาเสพติด ประกอบด้วย น.ส.พริสซิลลา จิวเมลลี่ หรือ ปุ๊กกี้ ชาลาล่า อายุ 40 ปี อดีตนักร้องลูกครึ่งชื่อดัง นายชลวิทย์ คีตะตระกูล อายุ 49 ปี สามีของ ปุ๊กกี้ และ นายหง เจิ้ง อี้ อายุ 28 ปี ชาวไต้หวัน โดยของกลางที่พบภายในบ้านที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย ไอซ์ 98.3 กรัม, ยาบ้า 8 เม็ด, ยาอี 10 เม็ด, คีตามีน 4 กรัม, กัญชาแห้ง 40 กรัม และสารเคมีหลายชนิด พร้อมกับอุปกรณ์ที่เชื่อว่าใช้ผลิตยาเสพติดนั้น
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. กล่าวถึงความคืบหน้า ในการสอบสวน ปุ๊กกี้ อายุ 40 ปี อดีตนักร้องชื่อดัง นายชลวิทย์ คีตะตระกูล อายุ 49 ปี สามีของ ปุ๊กกี้ และ นายหง เจิ้ง อี้ อายุ 28 ปี ชาวไต้หวัน ตลอดทั้งคืนว่า หลังจากนี้ ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อสืบสวนขยายผล ขบวนการค้ายาเสพติด ดาราและชาวไต้หวัน โดยให้ พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. เป็นหัวหน้าคณะทำงานชุดคลี่คลายคดี เบื้องต้นในส่วนของปุ๊กกี้ ยอมรับว่า ติดยาเสพติด มากว่า 10 ปี จนทำให้บางครั้งมีอาการเบลอ และส่งผลกระทบต่อครอบครัวในหลายด้าน และจนถึงขณะนี้ยอมรับว่าการกระทำของตนขณะนี้ ส่งผลให้ครอบครัวตกอยู่ในฐานะลำบากรวมถึงในอนาคตด้วย
ขณะที่ การสอบสวนขยายผล ปุ๊กกี้ ให้การยอมรับว่าเป็นผู้เจรจากับผู้ค้าชาวไต้หวัน ที่ถูกจับกุมด้วยตนเอง แต่ยังไม่ให้การซัดทอดถึงดารา นักแสดง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงรายใด เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด ในเครือข่ายของปุ๊กกี้ แต่หากพยานหลักฐานเชื่อมโยงและมีความแน่ชัดไปถึงบุคคลใด ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตำรวจก็ไม่มีการละเว้นเช่นกัน
พล.ต.ท.ชินภัทร ระบุว่า สำหรับพฤติการณ์ของปุ๊กกี้ เบื้องต้นถือว่าเข้าข่ายเป็นขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เนื่องจากมีชาวต่างชาติเข้าไปเกี่ยวข้อง มีการส่งออกของยาเสพติด ซึ่งทางเราได้ประสานไปยังทางการไต้หวันในเรื่องการติดตามตัวผู้ต้องหาอีก 1 ราย ที่หลบหนีไปได้ก่อนที่ชุดจับกุมจะไปถึงห้องพัก โดยชาวไต้หวันรายนี้มีหน้าที่เป็นคนสั่งซื้อและเป็นนายทุน ต้องบินมาดูของก่อนจะบินกลับไป ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของปุ๊กกี้นั้น ในช่วงเวลา 2-3 ปี ที่ผ่านมาพบว่า มีเงินหมุนเวียนในบัญชีหลัก 10 ล้านบาท เป็นเงินรวมจากการทำงานในวงการบันเทิงและค้ายาเสพติดด้วย ซึ่งขณะนี้เรามีการตั้งขณะทำงานขึ้นมาเพื่อขยายผล เพราะเป็นลักษณะของเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ
ต่อมาเวลา 15.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. ได้ควบคุมตัวปุ๊กกี้ พร้อมด้วย นายชลวิทย์ คีตะตระกูล และนายหง เจิ้ง อี้ ไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญารัชดา โดยท้ายคำฟ้อง ทางพนักงานสอบสวน ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง ทั้งนี้ ปุ๊กกี้ได้สวมหมวกปิดปาก ผ้าปกคลุมใบหน้า เสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงสีเทา รองเท้าใบ โดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อแต่อย่างใด
ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดใหญ่ของยาเสพติดประเภทไอซ์อยู่ที่ไต้หวัน โดยบางส่วนกระจายไปยังประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลี สำหรับแหล่งผลิตยาไอซ์อยู่ตามตะเข็บชายแดนไทย ซึ่งจะลำเลียงมาจากชนกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้าน และเมื่อเข้ามาถึงฝั่งไทยจะมีราคากิโลกรัมละ 300,000-400,000 บาท และหากหลุดไปถึงไต้หวันราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 1-2 ล้านบาท
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า ที่ผ่านมา ป.ป.สได้ใช้เวลาสืบสวนเครือข่ายค้ายาชาวไต้หวันมาเกือบ 1 ปี พบว่ากลุ่มนักค้ายาไอซ์จะเข้ามาในคราบของนักธุรกิจ โดยจะเข้ามาสำรวจตลาดและบรรจุภัณฑ์สินค้าที่ได้รับความนิยม จากนั้นจะเข้าไปดูโรงงานผลิต เพื่อวางแผนส่งออกยาเสพติดโดยเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ตบตาเจ้าหน้าที่เพื่อส่งยาไอซ์กลับไปยังไต้หวันให้แนบเนียนที่สุด เช่น นำกางเกงยีนส์ไปชุบยาไอซ์แล้วส่งออก บรรจุใส่กระป๋องแป้งเย็น บรรจุลงไปในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือซุกซ่อนในตู้ลำโพงเครื่องเสียง โดยพบว่าได้เข้าออกไทยอย่างต่อเนื่อง แต่เพิ่งเริ่มมีการจ่ายเงินค่ายาเสพติดในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
“เครือข่ายผู้รับซื้อยาเสพติดเป็นนักค้ารายใหญ่ในไต้หวัน ป.ป.ส.ไทยได้ส่งข้อมูลให้ป.ป.ส.ไต้หวันเพื่อไปดำเนินการต่อแล้ว ส่วนกรณีของปุ๊กกี้และสามีนั้นถือเป็นนักค้ารายย่อย แต่สาเหตุที่มาเชื่อมโยงกับเครือข่ายชาวไต้หวัน เนื่องจาก ป.ป.ส.มีปฎิบัติการยึดยาไอซ์ลอตใหญ่ได้ที่โกดัง จ.ปทุมธานี จำนวน 1.5 ตัน จนทำให้ยาไอซ์ขาดตลาด กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดที่ทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์จัดหายาเสพติดให้ชาวไต้หวันจึงระดมหายาไอซ์จากบรรดานักค้ายาเสพติดรายย่อย จนเชื่อมโยงไปถึงอดีตนักร้องดังได้” พ.ต.ต.สุริยา กล่าว
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า ขณะนี้ ป.ป.ส.อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินในเชิงลึกของเครือข่ายยาไอซ์ไทย-ไต้หวัน ส่วนการขยายผลไปถึงนักค้ารายย่อยและคนในวงการบันเทิงเป็นสำนวนการสอบสวนของตำรวจ ซึ่งจะต้องเรียกสอบผู้ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ข้อมูล ในส่วนของ ป.ป.ส.จะขยายผลเฉพาะเครือข่ายรายใหญ่ที่ส่งออกยาเสพติดไปยังไต้หวัน โดยยังมีอีกหลายเครือข่ายที่ป.ป.ส.เฝ้าติดตามอยู่ ทั้งนี้ ป.ป.ส.ไทยได้ประสานกับ ป.ป.ส.ประเทศเพื่อนบ้านจนได้ข้อมูลขบวนการค้ายาเสพติดไปยังไต้หวัน ได้ใช้เส้นทางลำเลียงจากหลายประเทศทั้งส่งออกจาก ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)เปิดเผยว่า วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี ตรงกับ”วันต่อต้านยาเสพติดสากล” กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)จับมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน จัดให้มีการเผาทำลายยาเสพติดให้โทษที่ศาลชั้นต้น มีคำสั่ง หรือพิพากษาให้ริบของกลางนำมาเผาทำลายจำนวน 16,467 กิโลกรัม 430 กรัม 926 มิลลิกรัม จาก 6,910 คดี มูลค่ารวมกว่า 20,047 ล้านบาท
เมทแอม เฟตามีน หรือยาบ้า มีน้ำหนักมากที่สุดถึง 12,369 กิโลกรัม (13,743 ล้านบาท) รองลงมาคือ ยาไอซ์ กว่า 3,443 กิโลกรัม (5,509 ล้านบาท) เฮโรอีนกว่า 143 กิโลกรัม (608 ล้านบาท) ยาอีกว่า 14 กิโลกรัม (25 ล้านบาท) ฝิ่นกว่า 258 กิโลกรัม (25 ล้านบาท) โคคาอีนกว่า 44 กิโลกรัม (134 ล้านบาท) ยาเสพติดอื่น ๆ 63 กรัม วัตถุออกฤทธิ์ฯ เช่น คีตามีน อัลปราโซแลม กว่า 191 กิโลกรัม และ อื่นๆ ที่ไม่ใช่สารเสพติด เช่น โทลูอีน อีก 1 กิโลกรัม รวมทั้งมีของกลางที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจากหน่วยงานอื่นๆ มาร่วมเผาทำลายด้วย
ทั้งนี้ ในปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 49 ซึ่งจะมีการดำเนินการเผาทำลายจำนวน 2 ครั้ง ณ ศูนย์บริหารสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อม นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 26 มิถุนายนเวลา 10.00 น. และ 5 กรกฎาคม เวลา 08.00 น