เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยปลัดกระทรวง อนันต์ สุวรรณรัตน์ ควงคู่ 2 อธิบดี เสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และ สำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร แถลงข่าวมาตรการจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด คือสารกำจัดวัชพืช พาราควอต และไกลโฟเซต และสารกำจัดแมลง คลอร์ไพรีฟอส
โดยสรุปคือ ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เกี่ยวข้องกับการจำกัดการใช้สารทั้ง 3 ชนิดนั้น จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป สิ่งที่ประกาศฯ บังคับคือ เกษตรกรที่จะซื้อสารทั้ง 3 ชนิดไปใช้ได้ จะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร และต้องผ่านการทดสอบความรู้เกี่ยวกับการใช้สารเคมีที่ถูกต้อง ตามที่กรมวิชาการเกษตรรับรองแล้วเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ ซื้อสารเคมี
ถ้าจะซื้อสารเคมีกำจัดวัชพืช พาราควอท และไกลโฟเซต ผู้ซื้อต้องเป็นเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพด ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง อ้อย และไม้ผลเท่านั้น ถ้าจะซื้อคลอร์ไพรีฟอส ผู้ซื้อต้องปลูกพืชไร่ ไม้ดอก และซื้อไปกำจัดหนอนเจาะลำต้นในไม้ผลเท่านั้น ถ้าปลูกข้าว พืชผัก สมุนไพร ห้ามใช้สารเคมี 3 ชนิดนี้เด็ดขาด
ที่สำคัญคือ พื้นที่ปลูกพืชต่างๆ เหล่านั้น ต้องไม่ใช่พื้นที่ต้นน้ำ และพื้นที่สาธารณะ และเกษตรกรที่จะมีสิทธิ์ซื้อจะต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ นอกจากนี้ เกษตรกรที่จะฉีดพ่นสารเคมีด้วยตนเอง หรือผู้รับจ้างฉีดพ่นสารเคมีทั้ง 3 ชนิดนี้ ก็จะต้องผ่านการทดสอบความรู้ เกี่ยวกับการใช้สารเคมี และวิธีฉีดพ่นที่ถูกต้องกับกรมวิชาการเกษตรด้วย จึงจะได้รับใบอนุญาตให้ฉีดพ่น หรือรับจ้างฉีดพ่นได้
ถ้าเกษตรกรยังไม่มั่นใจว่าตนเองมีความรู้เกี่ยวกับการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดนี้ ดีพอที่จะผ่านการทดสอบได้ สามารถสมัครเข้ารับการอบรมก่อนได้ แต่ถ้าคิดว่ามีความรู้เป็นอย่างดีแล้ว สามารถสมัครเข้ารับการทดสอบได้เลย ติดต่อสอบถามที่สำนักงานเกษตรอำเภอที่แปลงปลูกพืชชนิดนั้นๆ ตั้งอยู่ หรือถ้าสะดวกจะสมัครโดยใช้ระบบออนไลน์ ก็สามารถเข้าไปที่ http://chem..doae.go.th “ระบบจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด” หรือใช้ แอปพลิเคชั่น “FARMBOOK” สมัครได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
กรมส่งเสริมการเกษตร จะดำเนินการจัดอบรม และทดสอบให้กับเกษตรกรที่ปลูก ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และไม้ผล การยางแห่งประเทศไทย จะจัดอบรมและทดสอบให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยาง และ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จะจัดอบรมและทดสอบให้กับเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย
มาตรการจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด ด้วยวิธีการดังกล่าว จะสามารถลดปริมาณสารเคมีกำจัดวัชพืช พาราควอท และไกลโฟเซต รวมทั้งสารเคมีกำจัดแมลง คลอร์ไพริฟอส ในประเทศไทยลงได้หรือไม่ คงต้องติดตามดูต่อไป แต่ที่แน่ๆ มาตรการจำกัดการใช้สารเคมีทางการเกษตร ที่สร้างความยุ่งยากให้กับเกษตรกร และผู้จำหน่ายสารเคมีเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน ถ้าจะแบน หรือยกเลิกการใช้ก็ประกาศยกเลิกกันไปเลย เช่น ในปี 2546 ได้ประกาศยกเลิกการใช้ เมทามิโดฟอส หรือ เมื่อปี 2556 ยกเลิกการใช้สารเคมีอีก 4 ชนิด คือ คาร์โบฟูแรน เมโทมิล ไดโครโตฟอส และอีพีเอ็น
ถ้าจะว่าไป บริบทของสารเคมีที่ประกาศยกเลิกไปแล้วนั้น ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่ามีความเป็นพิษร้ายแรง และมีสารเคมีชนิดอื่นมาใช้ทดแทนได้ แต่พาราควอต ไกลโฟเซต และ คลอร์ไพรีฟอส ยังมีความเห็นขัดแย้งกันอยู่ โดยเฉพาะ เกษตรกรผู้ใช้จำนวนมากยังเห็นว่า สารดังกล่าวไม่ได้มีพิษร้ายแรงอย่างที่ผู้ต้องการให้ยกเลิกยกขึ้นมากล่าวอ้าง ที่สำคัญคือยังไม่มีสารเคมีชนิดอื่นมาทดแทนได้ หรือมีก็ราคาแพงกว่าสารเคมีชนิดเดิมมาก คณะกรรมการวัตถุอันตรายซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวัตถุอันตราย จึงยังไม่ให้ยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ชนิดนั้นทันที อันเป็นที่มาของมาตรการจำกัดการใช้ดังกล่าว
ความขัดแย้งในเรื่องการยกเลิก หรือไม่ยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ชนิดยังไม่ยุติดี พลันก็มีการยกร่างกฎหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง เรียกว่า พ.ร.บ. สารเคมี พ.ศ........ โดยมีหลักการประกอบร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ว่า “เพื่อให้ประเทศไทยมีกฎหมายการจัดการสารเคมีที่สามารถปกป้องสุขภาพประชาชน คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และเป็นไปในแนวทางสากล”
เหตุผลที่อ้างไว้ประการหนึ่งคือ ที่ผ่านมาการจัดการสารเคมีอยู่ภายใต้การดูแลของกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ และมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกฎหมายที่ว่าด้วยวัตถุอันตรายใช้มานานกว่า 30 ปีแล้ว แต่การจัดการสารเคมียังเป็นไปอย่างไม่ครบวงจร มีความซ้ำซ้อน และมีช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้การกำกับดูแลสารเคมีเป็นไปอย่างครบวงจรจึงจำเป็นต้องตรา พ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้นมา
ตามร่าง พ.ร.บ. สารเคมี พ.ศ.....ขับเคลื่อนด้วยคณะกรรมการสารเคมีแห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน
ก็ว่ากันไป..คอยดูกันไปว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้จะผ่านสภาฯ ไหม..และจะเอาสารเคมีเกษตรอยู่หรือไม่...
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี