21 มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีการสืบสวนสอบสวนคดีร่วมกันทำร้าย ด.ช.ฐปกร หรือน้องชายแดน ทรัพย์สิน อายุ 14 ปี จนถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีนี้มีผู้ต้องหา 3 ราย คือ นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ เจ้าของสถาบันกวดวิชา เตรียมทหาร “บ้านครูพี่ณัฐ” น.ส.พีรญา พละแสน ภรรยา และ น.ส.นงลักษณ์ พละ แม่ยาย โดยทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงงานอีกว่า สำหรับบรรยากาศเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ 21 ม.ย.62 บรรยากาศที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ คึกคักด้วยกองทัพสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวคดีครูณัฐ แต่ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดระเบียบสื่อมวลชนใหม่ เพื่อจะได้ไม่ละเมิดสิทธิ์ผู้ปกครอง และเด็ก ในคดีนี้
พ.ต.อ.สุทธินันท์ คงแช่มดี ผกก.สภ.เมือง มีการเรียกประชุมพนักงานสอบสวนในคดีเพื่อซักซ้อมและวางแนวทางการสืบสวนสอบสวน ภายหลังกลับจากการรายงานความคืบหน้าทางคดีให้ นายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ และ พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงษ์ ผบก.ภ.นครสวรรค์ ทราบ เบื้องต้นได้สั่งการด่วยให้ตำรวจสายตรวจในเขตรับผิดชอบอำเภอเมืองนครสวรรค์ ไปสำรวจโรงเรียนกวดวิชาทั้งที่ได้รับการอนุญาตและไม่ได้รับอนุญาตเพื่อรายงานไปยังตำนักงานตำรวจแห่งชาติภายในวันนี้
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. ผู้ปกครองจำนวน 3 ราย เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน บริเวณชั้น๔ สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยหนึ่งในจำนวนผู้ปกครอง มีเด็กชายอายุประมาณ 15 ปี คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนร่วมเรียนกวดวิชากับน้องชายแดนมาด้วย จากนั้นพนักงานสอบสวนก็พูดคุยและนำผู้ปกครองจำนวน 3 ราย ลงมาสอบสวนยังบริเวณห้องพนักงานสอบสวนชั้น 2 บน สภ.มืองนครสวรรค์ จากนั้นผู้ปกครองรายอื่นๆก็ทยอยเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเป็นระยะ ซึ่งพนักงานสอบสวนก็แยกห้องสอบ และไม่ยอมให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ทำข่าว เพราะเกรงว่าจะไปกระทบสิทธิเด็กและเยาวชนได้
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนจะเร่งสรุปสำนวนให้เสร็จทันภายในกำหนดฝากขังผลัดแรก จะคัดค้านการประกันตัวอีกรอบ ซึ่งจะแล้วเสร็จหรือไม่นั้นตำรวจจะเร่งทำงานให้เร็วที่สุด ส่วนผู้ปกครองแจ้งความเพิ่มหรือไม่นั้น อยู่การตัดสินใจของผู้ปกครองเองเนื่องจากเกรงว่าจะกระทบสภาพจิตใจเด็ก และจะต้องมีหลักฐานประกอบรอบด้าน เช่นใบรับรองแพทย์เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานต่ออีกว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ฝากขังผู้ต้องผ่านมาแล้ว 2 วัน จะเร่งทำสำนวนให้ทันก่อนจะครบกำหนดฝากขังผลักแรก 12 วัน ซึ่งหากไม่สามารถสรุปสำนวนได้ทันฝากขังครั้งแรกจะยืนขอผลักฟ้องอีก เพราะพนักงานสอบสวนยังคงยืนยันจะคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา ขณะนี้พนักงานสอวนได้ส่งหลักฐาน ตรวจพิสูจน์กว่าร้อยชิ้น รอผลการตรวจยืนยัน และจะสอบปากคำแพทย์ที่ตรวจน้องชายแดน ก่อนเสียชีวิตและผลการตรวจสภาพหลังเสียชีวิต ซึ่งมีแพทย์เกี่ยวข้อง 3 ราย
จากนั้น เวลา 13.00 น.พนักงานสอบสวนได้นำตัวนายพิษณุ ทรัพย์สิน และนางสุวรรณา ทรัพย์สิน ไปตรวจยืนยันดีเอ็นเอที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อนำมาให้พนักงานสอบสวนยืนยันเทียบเคียงกับดีเอ็นเอของบุตรชายที่พบจากบ้านพักและไม้เบสบอลของผู้ต้องหา
ด้าน นางสุวรรรณา เปิดเผย ว่า ทราบความคืบหน้าทางคดีจากสื่อมวลชนและพนักงานสอบสวน เบื้องต้นก็รู้สึกดีใจที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้ นำตัวมาลงโทษดำเนินคดี แต่พอทราบรายละเอียดจากสื่อมวลชนก็เสียใจมากที่ลูกมาเรียนที่นี่ และยิ่งเจ็บปวดแทนลูกที่ต้องถูกกระทำเช่นนี้ พฤติกรรมของครูณัฐผิดมนุษย์จริงๆสงสารลูกมาก จะไม่ขอรับการขอโทษจากผู้ตองหาเด็ดขาด กรุณาอย่ามาเลยไม่ยกโทษให้ อย่ามาจองเวรจองกรรมกันอีกเลย
นางสุวรรณา กล่าวต่อว่า ขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดอย่างถึงที่สุด เนื่องจากพฤติกรรมโหดร้ายมาก หากพ้นผิดออกมาลอยนวลในสังคมจะมีเด็กเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ ต้องมาสังเวยชีวิตรับบาดเจ็บเหมือนลูกตน
“เดิมไม่ต้องการให้ลูกมาเรียนที่นี่แต่ด้วยความตั้งใจของลูก จึงวางแผนให้ลูกลาออกมาเรียนระดับมัธยมต้นจาก กศน.ก่อน โดยจะจบมัธยมต้นในเทอมหน้านี้ จากนั้นจะสมัครเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 อีก 1 ปี จากนั้นจะไปสมัครสอบเตรียมทหาร โดยที่ผ่านลูกมาได้หาข้อมูลสมัครเรียนโรงเรียนกวดวิชาเอง จากข้อมูลทางอินเตอร์เนต มาเจอบ้านครูพี่ณัฐ เห็นรูป เห็นโปรไฟ พูดคุยทางเชต ลูกชายปลื้ม ศรัทธามาก จึงมั่นใจว่าครูพี่ณัฐจะสามารถติวจนสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ จึงสมัครมาเรียนทั้งที่ตนไม่เต็มใจ แต่เพื่ออนาคตลูกจึงยอมให้มาเรียนโดยทางสถาบันกวดวิชาเป็นคนวางแผนการเรียนให้ทั้งหมด” แม่กล่าว
ส่วนค่าใช้จ่ายในการศึกษาในปีแรกเข้าต้องเสยีเงิน 210,000 บาท ปีที่สองเสีย 250,000 บาท ไม่รวมค่าที่พัก อาหาร ในปีที่สอง ที่ผ่านมาช่วงแรกให้ผู้ปกครองเข้าพบได้ตามตกลงกันไว้สัปดาห์ละ 1 ครั้งพาลูกไปนอนบ้านได้๑ วัน ต่อมาครูณัฐเริ่มอ้างว่าลูกต้องเก็บตัวไม่สามารถพบได้ ต้องอ่านหนังสือ เริ่มห่างติดต่อลูกไม่ได้ต้องนักพบลูกล่วงหน้ากำหนดวันมาพบได้ มาทราบอีกครั้งก็ได้รับโทรศัพท์จากครูณัฐว่าลูกหัวแตก แต่ว่าลูกแขนหัก และที่ผ่านมาสังเกตว่าลูกซึมเศร้าตลอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเด็กชายชายแดนเสียชีวิตแล้ว ผู้ปกครองได้เข้าไปเก็บของในสถาบัน แล้วไปเจอจดหมายของน้อง ที่เขียนบันทึกไว้เตรียมส่งให้แม่ แต่ไม่สามารถส่งกลับไป เมื่อพ่อ แม่นำออกมาอ่านถึงกับร้องให้ โดยใจความทราบว่าลูกมาอยู่ที่สถาบันเหมือนตกนรก ต้องถูกซ่อมตลอดเวลา ถูกทรมานสาหัส ต้องการกลับบ้านก็กลับไม่ได้ อยู่ในสถาบันแห่งนี้เหมือนอยู่ในนรก โดยกระทำ”แดก”ตลอดเวลาลำบากมาก โดยซ้อมตลอดเวลา ซึ่งใจความลูกน่าจะมีเรื่องอะไรกันมาก่อน แล้วลูกโดนซ่อมตลอดเวลาและมีข้อความหยาบคายหลายคำ
ด้านนายพิษณุ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้เสียใจมากที่ลูกชายคนเดียวจากไป ครอบครัวตนเหลือกันเพียงสองคนเท่านั้น ไม่สามารถมีบุตรได้ตอนนี้ทำให้เพียงนั่งดูรูปภาพของลูกเท่านั้น อยากให้ครอบครัวของคนร้ายได้รับโทษสูงสุดตามกฎหมาย อย่าออกมาสร้างความเดือดร้อนแก่สังคมอีกเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี