เตือนฝนหนัก
19จังหวัดกลาง-ใต้
ถล่มยาวถึง26มิ.ย.
เร่งช่วยน้ำป่าพังงา
ปภ.เร่งช่วยเหลือชาวบ้านใน จ.พังงา-กระบี่ กว่า 2 พันครัวเรือน ที่ประสบเหตุฝนถล่ม ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากท่วม ดินโคลนถล่ม ขณะเดียวกัน แจ้งเตือน 19จว.ภาคกลาง-ใต้เตรียมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมาก คลื่นลมแรงถึง 26 มิถุนายน
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)เปิดเผยว่า จากอิทธิพลหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน ถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากใน 2 จังหวัด รวม 6 อำเภอ 13 ตำบล 36 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 562 ครัวเรือน 1,988 คน ประกอบด้วย จ.พังงา ฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากใน 5 อำเภอได้แก่ อำเภอตะกั่วป่า อำเภอกระปง อำเภอเมืองพังงา อำเภอท้ายเหมือง และอำเภอตะกั่วทุ่ง รวม 11 ตำบล 33 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 442 ครัวเรือน 1,700 คน ปัจจุบันมีฝนตกในพื้นที่ระดับน้ำลดลง และจ.กระบี่ ฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในต.ศาลาด่าน และต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา ประชาชนได้รับผลกระทบ 100 ครัวเรือน 240 คน ปัจจุบันมีฝนตกในพื้นที่ระดับน้ำลดลง
ทั้งนี้ ปภ.ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงสำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯตามความเหมาะสม
เตือนกลาง/ใต้ฝนหนัก-ลมแรงถึง26มิ.ย.
นายชยพลกล่าวต่อว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่จากข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ภาคกลางและภาคใต้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรง เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวไทย และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคกลางและภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ระหว่างวันที่ 24–26 มิถุนายน 2562 อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำท่วมขัง น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงประสาน 19 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคกลาง 8 จังหวัด ได้แก่ นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ภาคใต้ 11 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและจังหวัดในภาคกลางและภาคใต้ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ได้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดมาตรการความปลอดภัยทางทะเล จัดเตรียมเครื่องมือประจำเรือและอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางน้ำให้พร้อมใช้งาน อีกทั้งกำชับสถานประกอบการในพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวห้ามประกอบกิจกรรมทางทะเลทุกประเภทในช่วงที่มีคลื่นลมแรง
พังงาเร่งช่วยชาวบ้าน
สำหรับสถานการณ์ฝนตกหนักในจ.พังงา ทำให้เกิดน้ำท่วม ดินถล่มใน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.กะปง อ.ท้ายเหมือง อ.ตะกั่วป่า อ.เมืองพังงา และอ.ตะกั่วทุ่ง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ซึ่งจังหวัดได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินและประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย(อุทกภัย)ไปแล้วว่า เจ้าหน้าที่ อปท.,กำนันผู้ใหญ่บ้าน, ฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3, เหล่ากาชาดจังหวัดพังงา, สถานีกาชาดที่ 14 พังงาเฉลิมพระเกียรติ, ส่วนราชการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง และจิตอาสาบูรณาการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือเบื้องต้น อาทิ ตั้งเครื่องสูบน้ำ มอบถุงยังชีพ ติดเครื่องหมายแสดงจุดประสบอุทกภัย ดินสไลด์ขวางถนน
ผู้ว่าฯตรังสั่งจนท.รับมือฝนตกหนัก
ขณะที่จ.ตรัง นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังกล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนที่ตกต่อเนื่องขณะนี้ตนสั่งการให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรังออกประกาศเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณที่ราบเชิงเขา ที่ราบต่ำ ริมชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยและบริเวณที่เคยเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและหินโคลนหล่น เตรียมความพร้อมรับมือการเกิดอุทกภัย โดยใช้กลไกของเครือข่ายอาสาสมัครภาคประชาชน มิสเตอร์เตือนภัย อปพร. ร่วมแจ้งเตือนและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังกำชับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยจัดชุดเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ ข้อมูลจากหน่วยราชการใกล้ชิด 24 ชั่วโมง ดูแลเส้นทาง ท่อระบายน้ำ ป้องกันสิ่งกีดขวาง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันหลังเกิดฝนตกหนัก หากเกิดสาธารณภัยขึ้นในพื้นที่ให้รายงานสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือให้ปภ.จังหวัดตรังทราบทางโทรศัพท์ หมายเลข 0–7521–4382 หรือทางสายด่วนสาธารณภัย 1784 และข่ายวิทยุสื่อสารระบบ VHF/FMช่องความพี่ 161.200,162.800 MHz นามเรียกขาน “มรกต” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ตราดเร่งระบายน้ำ 7อ่างรองรับฝน
ที่ จ.ตราด ฝนที่ตกหนักขณะนี้ ทำให้โครงการชลประทานตราด เริ่มบริหารจัดการปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของจังหวัดตราด ทั้ง 7 อ่างตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กระทบประชาชนในเขตพื้นที่ชลประทาน ทั้งน้ำท่วมและภัยแล้งในปีหน้า โดยนายชุมภาสน์ ชุมอุระ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน ในโครงการชลประทานตราด เปิดเผยว่า โครงการชลประทานจังหวัดตราด เริ่มวางแผนบริหารอ่างเก็บทั้ง 7 อ่างคือ อ่างเก็บน้ำคลองโสน อ่างเก็บน้ำเขาระกำ อ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง อ่างเก็บน้ำสะพานหิน อ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ อ่างเก็บน้ำด่านชุมพล และอ่างเก็บน้ำบ้านมะนาว ที่มีปริมาณความจุรวม 185.59 ล้านลูกบาศก์เมตร มีปริมาณน้ำเฉลี่ย 48.90%ของความจุอ่างทั้งหมด 7 อ่าง โดยเปิดประตูระบายน้ำ เพื่อระบายน้ำออกจากอ่างทุกอ่าง ประมาณวันละ 5,000-65,000 ลูกบาศก์เมตร หรือมากน้อย ตามสถานการณ์ที่มีปริมาณฝนตกลงในแต่ละครั้ง เพื่อให้ปริมาณน้ำอยู่ในอ่างประมาณ 45-65% อย่างไรก็ตาม การระบายน้ำอ่างเก็บน้ำทั้ง 7 อ่าง โครงการชลประทานตราด มั่นใจว่าไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและพื้นที่การเกษตร ทั้งน้ำท่วมและจะเป็นปัญหาต่อการใช้น้ำในช่วงหน้าแล้งแน่นอน
เขื่อนลำปาวเตรียมส่งน้ำ750ล้านลบ.ม.
วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมศาลาร่มโพธิ์นุกูลทองทวี โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทาน (Joint Management Committee for Irrigation : JMC) โดยนายณรงค์ศักดิ์ ปิณฑดิษฐ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำปาว มีปริมาณ 597.50 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 30.18 จากความจุอ่าง 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งช่วงฤดูฝนนี้กรมฯมีมาตรการจัดสรรน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศให้เพียงพอตลอดปี ส่งเสริมการปลูกพืชที่ใช้น้ำฝนเป็นหลัก พร้อมเก็บกักน้ำในเขื่อนให้มากที่สุดไม่ต่ำกว่าเกณฑ์เก็บกัก
ด้านนายพงษ์ศักดิ์ ณ ศร ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว กล่าวว่า คณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) กำหนดวันส่งน้ำฤดูฝนวันที่ 1 กรกฎาคม-30 ตุลาคม ทั้งนี้ เตรียมแผนปรับปรุงทั้งระบบแก้ปัญหาให้ผู้ใช้น้ำในระยะยาว ซึ่งแนวโน้มฤดูฝนปีนี้น่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเป็นจำนวนมาก เพียงพอต่อการบริหารจัดการน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค การเกษตร การประมง และคาดว่าจะส่งน้ำให้ชาวนาประมาณ 750 ล้านลูกบาศก์เมตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี