วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตร มีผลงานวิจัยด้านควบคุมกำจัดศัตรูพืชโดยชีววิธี ซึ่งถือเป็นวิธีป้องกันกำจัดศัตรูพืชอีกหนึ่งทางเลือกช่วยลดระดับความเสียหายจากศัตรูพืช และควบคุมประชากรแมลงศัตรูพืชไม่ให้สูงจนก่อความเสียหายต่อพืชได้ รวมทั้งลดปัญหาตกค้างในผลผลิตและสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญเป็นวิธีที่ได้ใช้ศัตรูธรรมชาติที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์
ในประเทศไทยมีศัตรูพืชประเภทปากดูดสำคัญ สร้างความเสียหายให้ผลผลิตการเกษตร ได้แก่ เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง แมลงหวี่ขาว ไรแดง และไรขาว เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้สารเคมีป้องกันกำจัด ซึ่งลดประชากรแมลงศัตรูพืชได้ชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากศัตรูพืชกลุ่มนี้มีขนาดเล็ก วงชีวิตสั้น ปรับตัวสร้างความต้านทานสารเคมีได้เร็ว ก่อให้เกิดปัญหาสารเคมีตกค้างเป็นอันตรายต่อผู้ใช้โดยสารพิษเข้าไปสะสมในร่างกาย และส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคจากสารพิษตกค้าง
อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวต่อว่า สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตรสำรวจพบแมลงศัตรูธรรมชาติสำคัญ พบครั้งแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแมลงศัตรูธรรมชาติดังกล่าวเป็นมวนตัวห้ำชนิด Cardiastethus exiguus Poppius พบที่แปลงมันสำปะหลังใน จ.กาญจนบุรี โดยมวนตัวห้ำชนิดนี้ชอบกินเพลี้ยไฟมากที่สุด ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีมวนตัวห้ำที่กินเพลี้ยไฟได้ รวมทั้งยังชอบกินแมลงศัตรูพืชสำคัญทางเศรษฐกิจ จากการศึกษาวิจัยทำให้ได้ข้อมูลมวนตัวห้ำ C.exiguus ด้านชีววิทยา การเพาะเลี้ยง โดยพบว่าเป็นมวนตัวห้ำที่มีศักยภาพดีในการควบคุมแมลงและไรศัตรูพืชที่สำคัญ เช่น เพลี้ยไฟฝ้ายซึ่งปัจจุบันมีปัญหาระบาดรุนแรงในพืชเศรษฐกิจ และมีรายงานต้านทานสารฆ่าแมลง ยากป้องกันกำจัด ที่สำคัญค้นพบวิธีเพาะเลี้ยงมวนตัวห้ำ C.exiguus ที่ง่าย สะดวก ประหยัดได้สำเร็จ รวมทั้งเป็นไปได้ในการเพาะเลี้ยงขยายในปริมาณมาก หรือต่อยอดการผลิตในเชิงพาณิชย์ได้
“ปัญหาสำคัญขณะนี้คือ เพลี้ยไฟมีความต้านทานสารฆ่าแมลง ดังนั้น การค้นพบมวนตัวห้ำชนิดใหม่นี้แม้ไม่ได้ทำให้เพลี้ยไฟหมดไปจากประเทศไทย แต่ป้องกันไม่ให้แพร่ระบาดได้ ที่สำคัญการควบคุมโดยชีววิธีคือ ลดใช้สารเคมีฆ่าแมลง ทำให้ลดต้นทุนการผลิต และเป็นวิธีกำจัดศัตรูพืชที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผู้บริโภค รวมทั้ง
สิ่งแวดล้อม การศึกษาวิจัยข้อมูลของมวนตัวห้ำชนิดใหม่นี้ จึงลดใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพยั่งยืน ผลงานวิจัยดังกล่าวยังได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่นประจำปี 2561 ของกรมวิชาการเกษตรด้วย” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี