วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีวันที่ 25 มิถุนายน มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ....... มีสาระสำคัญคือ ตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาคใน 4 ภูมิภาค ครอบคลุม 22 ลุ่มน้ำใหม่ แบ่งเป็น 1.ภาคเหนือ จ.ลำปาง 2.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น 3.ภาคกลาง จ.สระบุรี และ 4.ภาคใต้ จ.สงขลา มีหน้าที่สำคัญ อาทิ อำนวยการ กำกับ ดูแลถึงพื้นที่ระดับลุ่มน้ำทั้ง 22 ลุ่มน้ำ โดยประสานหน่วยงานรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรผู้ใช้น้ำ บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการใช้ พัฒนา บริหารจัดการ บำรุงรักษา ฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมมลพิษทางน้ำในลุ่มน้ำให้เป็นไปตามแผนแม่บท รวมถึงตั้งอีก 2 หน่วยงาน อยู่ที่ สทนช.ส่วนกลางได้แก่ กองต่างประเทศ มีภารกิจสำคัญ อาทิ เสนอแนะนโยบาย แผนแม่บท บทบาท และท่าทีของประเทศไทยเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างประเทศด้านทรัพยากรน้ำ และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระหว่างประเทศ รวมถึงดำเนินความร่วมมือ ประชุมเจรจา จัดทำความตกลงด้านทรัพยากรน้ำกับต่างประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ ทำหน้าที่วิเคราะห์ วิจัย แลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล เทคโนโลยีนวัตกรรม ด้านทรัพยากรน้ำกับต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาต่อยอดการบริหารจัดการน้ำที่สอดคล้องกับประเทศไทย รวมถึงการแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งอย่างยั่งยีน และกองกฎหมาย เพื่อขับเคลื่อนพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 ซึ่งมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว รวมถึงสนับสนุนการดำเนินงานด้านกฎหมาย ตลอดจนหลักเกณฑ์วิธีการที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำ หลังครม.รับทราบร่างฯดังกล่าวที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้ว สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติจะเสนอนายกฯพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี