การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ได้สิ้นสุดลงแล้ว ประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ประธานการประชุมได้อย่างเรียบร้อย ภายใต้แนวคิด “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” พร้อมกับตราสัญลักษณ์ของการประชุมในปีนี้ เป็นรูปพวงมาลัย ผลงานการออกแบบของ เขมพงษ์ รุ่งสว่าง และ ชยุตา หอมหนัก
ความหมายของตราสัญลักษณ์ คือสัญลักษณ์ของการต้อนรับและให้เกียรติผู้มาเยือน ดอกไม้ที่มาร้อยมาลัย สื่อถึงประชาชนของประชาคมอาเซียนที่มีความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อุบะมาลัย เป็นตัวแทนของประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ที่รวมกันแล้วคล้ายลูกศรที่พุ่งขึ้น หมายถึงความร่วมมือในการขับเคลื่อนอาเซียนให้ก้าวไปข้างหน้า โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ที่ยกเรื่องการประชุมสุดยอดอาเซียนขึ้นมา เพราะมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ที่ผู้นำอาเซียนจะต้องให้การรับรองในการประชุมครั้งนี้ คือ ปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน เจตนารมณ์ของปฏิญญาดังกล่าว ต้องการป้องกัน ลด และจัดการกับขยะทะเล โดยให้ประเทศสมาชิกอาเซียนสนับสนุนนวัตกรรม แนวคิด การวิจัย และส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการลดขยะทะเล โดยเฉพาะขยะที่มาจากกิจกรรมของประชากรที่อยู่บนพื้นดิน
นอกจากนี้ ยังต้องมีแนวทางการบริหารจัดการ มาตรการป้องกัน โดยการใช้กฎหมาย และกฏระเบียบต่างๆ ตลอดจนความร่วมมือของภาคเอกชนในการมีส่วนร่วมและลงทุนในการป้องกันและลดขยะทะเลโดยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้
เรื่องของขยะทะเล เป็นเรื่องที่สำคัญพอๆ กับขยะบนบก โดยเฉพาะพลาสติกที่ไม่ย่อยสลาย เพราะในแต่ละปีมีสัตว์ทะเลจำนวนไม่น้อย ทั้งปลาโลมา ปลาวาฬ เต่าทะเล และสัตว์ทะเลอีกหลายชนิดที่พากันตาย และผลการชันสูตรซากสัตว์ทะเลเหล่านั้นพบว่ามีเศษพลาสติกเข้าไปอยู่ในระบบการย่อยอาหาร หรือปิดกั้นระบบหายใจเป็นส่วนใหญ่ กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแลดล้อมได้พยายามรณรงค์ไม่ให้นักท่องเที่ยวทิ้งขยะลงทะเล ไม่ให้บริษัทผลิตน้ำดื่มใช้พลาสติกบางๆ ผนึกปิดฝาขวด ขอความร่วมมือไม่ให้ผู้บริโภคใช้หลอดดูดน้ำพลาสติค และอื่นๆ อีกมากมาย
จากปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน คงจะทำให้กลุ่มนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมีความหวังมากขึ้นว่าสังคมจะช่วยทำให้ทะเลในภูมิภาคอาเซียนปราศจากขยะที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และสิ่งมีชีวิตในทะเล
ก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียนสักประมาณ 1 สัปดาห์ มีข่าวในสื่อโซเชียล และโทรทัศน์อยู่หลายสถานี เรื่องที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประสบความสำเร็จในการนำใบผักตบชวา มาทำจานใส่อาหารแทนโฟม หรือพลาสติกและยินดีจะสอนให้ฟรีสำหรับผู้สนใจมาเรียนรู้นำกลับไปทำใช้เอง หรือทำเป็นการค้า เป็นการนำเอาวัชพืชที่เป็นอุปสรรคต่อการสัญจรในลำน้ำ หรือเป็นอุปสรรคในการไหลของน้ำ มาแปรรูปให้เกิดประโยชน์ อันจะช่วยลดปริมาณผักตบชวาลงได้
อันที่จริง ผักตบชวานำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน กล่าวคือ ใบใช้ทำภาชนะใส่อาหาร ก้านทำเป็นเส้นใยทอผ้า และกระดาษ หรือทำเครื่องจักสาน ส่วนรากนำมาทำปุ๋ยหมักใส่พืช
ผักตบชวา มีทั้งประโยชน์และเป็นวัชพืชที่ไม่พึงประสงค์ แถมยังเป็นวัชพืชที่ขยายพันธุ์เพิ่มประชากรได้อย่างรวดเร็ว ประเภทกำจัดเท่าไรก็ไม่ชนะ ทำให้เป็นภาระของหลายหน่วยงานที่ต้องกำจัด โดยในแต่ละปีไม่น่าเชื่อว่าต้องใช้งบประมาณรวมกันมากกว่า 2,000 ล้านบาท ทั้ง กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า กรมโยธาธิการและผังเมือง และกรุงเทพมหานคร จนเมื่อปี 2559 สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ออกมาตั้งข้อสังเกตว่าเป็นงบประมาณที่มากเกินไปหรือไม่
กระทรวงเกษตรฯ เอง โดยกรมชลประทานเคยมีโครงการร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ใช้เชื้อราในการควบคุมผักตบชวา ซึ่งสำนักวิจัยและพัฒนากรมชลประทานบอกว่าได้ผลดีกับพื้นที่ต้นน้ำ หรือผักตบชวาที่หลงเหลือจากการใช้เครื่องจักรกำจัด กรมชลประทานมีวิธีการกำจัดผักตบชวาหลายวิธีนอกเหนือจากการทดสอบใช้เชื้อราแล้ว ยังมีการใช้แรงงานคน ใช้เครื่องจักร และใช้สารย่อยสลายฉีดพ่น ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ถ้าพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเป็นพันๆ ไร่ ก็จะใช้หลายๆ วิธีแบบผสมผสาน แต่ละหน่วยงานที่เอ่ยชื่อมาแล้วข้างต้น ก็คงใช้วิธีการไม่แตกต่างกันนัก
คำถาม คือ มีหลายหน่วยงานที่ช่วยกันกำจัด มีงบประมาณเป็นพันล้านในการกำจัดมีหลายวิธีในการกำจัด มีการใช้ประโยชน์จากผักตบชวาด้วย แต่ทำไมผักตบชวาจึงไม่หมดเสียที....รัฐบาลชุดใหม่ของท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะหยิบยกเรื่องการกำจัดผักตบชวามาเป็นเรื่องสำคัญ และหาแนวทางกำจัดให้ได้ผล มิเช่นนั้นจะต้องเสียงบประมาณปีละกว่า 2,000 ล้านบาท ไปเรื่อยๆ ส่วนราชการอาจจะไม่เสียดาย แต่ประชาชนเสียดาย.....
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี