สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) จัดงานประชุมวิชาการ (Symposium) เรื่อง “การปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมอาเซียนสู่อุตสาหกรรม 4.0” เมื่อเร็วๆ นี้ ที่โรงแรมโซฟิเทล โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานชั้นนำของประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศชั้นนำในการพัฒนาอุตสาหกรรม รวมทั้งผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมเข้าร่วมกว่า 200 คน โดยนำบทสรุปจากการประชุม ไปจัดทำแนวทางการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมอาเซียนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 นำเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียนในปลายปีนี้
นายอิทธิชัย ยศศรี รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวระหว่างเปิดการสัมมนาว่า ผลจากการประเมินความพร้อมของอาเซียนต่อการเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 ซึ่งจัดทำโดยสำนักเลขาธิการอาเซียน ตามวิสัยทัศน์ของที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 30 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2560 พบว่าอาเซียนจำเป็นต้องเตรียมพร้อมในการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ Fourth Industrial Revolution (4IR) อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และส่งเสริมให้เติบโตอย่างเท่าเทียมในการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมทั้งรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และความมั่นคง โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนทักษะกำลังคนภาคอุตสาหกรรม (Re-Skilled or Up-Skilled) ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี นวัตกรรม และดิจิทัลในยุค 4IR เพื่อยกระดับการเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิตของอาเซียน ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย และผู้ประกอบการ Startup ไปสู่ระดับโลก
“ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สศอ. ได้ผลักดันข้อริเริ่มเพื่อดำเนินการให้เกิดผล คือ การปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมอาเซียนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 (ASEAN Industrial Transformation to Industry 4.0) โดยได้กำหนดแผนการทำงานระยะเร่งด่วนและระยะกลางถึงระยะยาว” นายอิทธิชัยกล่าว เพิ่มเติม
แผนการระยะเร่งด่วนคือการจัดทำปฏิญญาอาเซียน (ASEAN Declaration) เพื่อประกาศเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนในการปรับเปลี่ยนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ข้อสรุปจากการสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ และการระดมความคิดเห็น รวมทั้งข้อเสนอแนะ จะถูกนำไปสู่การกำหนดแผนที่นำทาง (Roadmap) เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างความร่วมมือระหว่างอาเซียนในการก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 รวมทั้งใช้ประโยชน์จากอุตสาหกรรม 4.0 ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนกำหนดแนวทางในการพัฒนากำลังคนรองรับการเติบโตของผู้ประกอบการวิสาหกิจทั้งขนาดกลาง ขนาดย่อม รายย่อย และผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Startup)
“สศอ. จะนำผลที่ได้จากการจัดประชุมมาปรับปรุงร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมอาเซียนไปสู่อุตสาหกรรรม 4.0 และนำเสนอต่อที่ประชุมผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ในช่วงปลายปีนี้ ส่วนแผนการระยะกลางถึงระยะยาว จะผลักดันให้มีการดำเนินการตามแผนที่นำทาง (Roadmap) และการจัดทำแผนปฏิบัติการ ASEAN Industrial Transformationto Industry 4.0 (AIT) 2020-2024 รวมทั้งการจัดตั้งกลไกขับเคลื่อนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ทั้งในระดับคณะทำงาน ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และระดับรัฐมนตรี เพื่อบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ในการขับเคลื่อนการทำงาน รวมทั้ง ติดตาม ประเมินผล และปรับปรุงแผนให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและทันการณ์”
ทั้งนี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของประเทศสมาชิกอาเซียนในการพัฒนาปัจจัยแวดล้อมที่สำคัญ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน อาทิ การเชื่อมโยงเครือข่ายการสื่อสาร การคมนาคม ให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงระเบียบ โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอาเซียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้กับบริการสาธารณะ (Public services) และการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเชื่อมโยงการให้บริการ
“การส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเริ่มต้นจากการสร้างการรับรู้ การระบุความท้าทาย ตลอดจนโอกาสที่เกิดขึ้นจาก 4IR โดยส่งเสริมให้เกิดการร่วมลงทุนระหว่างกัน การระบุทักษะที่จำเป็นในการพัฒนาทักษะกำลังคนให้ก้าวทันเทคโนโลยี การพัฒนาระบบการศึกษา โดยใช้ความต้องการของตลาดเป็นตัวนำ การเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน ด้วยการแบ่งปันประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ ตลอดจนการบูรณาการแผนงานต่างๆ ระหว่างกัน รวมทั้งเสริมสร้างและพัฒนาความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาของอาเซียน และองค์กรสากล” นายอิทธิชัย กล่าว
ด้านนายอรินทร์ จิรา ประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน กล่าวว่า อุตสาหกรรม 4.0 เป็นยุคที่มีการนำสารสนเทศมาประยุกต์ผสมผสานกับเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ทั้ง cyber-physical system, internet of things และ cloud computing มีการนำข้อมูลที่หลากหลายมาผสมผสานเพื่อให้เกิดการตัดสินใจในการทำงานได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำและทันเวลา ทั้งในรูปแบบการจัดการด้วยมนุษย์และหุ่นยนต์อัตโนมัติ หากตั้งรับไม่เท่าทัน ทั้งไทยและอาเซียนจะเผชิญกับปัญหาสำคัญหลักๆ คือ ปัญหาทักษะแรงงานที่ไม่สามารถรองรับเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 4.0 ปัญหามาตรการการค้าที่ไม่ใช่อากรศุลกากร (Non-Tariff Barier Measure หรือ NTMs) และปัญหาผลพวงจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐที่จะกระทบเข้ามาในอาเซียนอย่างมีนัยสำคัญ”
อย่างไรก็ตาม ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ของวงการอุตสาหกรรม หรือยุคอุตสาหกรรม 4.0 นายอรินทร์มองว่า หากมีการตั้งรับที่ดีพอก็จะได้ประโยชน์มหาศาลจากการเปลี่ยนแปลง ในฐานะสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน หรือ ASEAN-BAC นั้น ก็จะร่วมผลักดันวาระอุตสาหกรรมอาเซียน 4.0 ผ่านช่องทางและกลไกต่างๆ รวมทั้งการจัดทำข้อเสนอแนะผ่านที่ประชุมผู้นำอาเซียน เวทีวิชาการร่วมกับหน่วยงานสำคัญๆ ของไทยและอาเซียน ตั้งแต่ตอนนี้จนกระทั่งปลายปี ตลอดระยะเวลาที่ไทยเป็นประธานอาเซียน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี