เมืองไทยโชคดีหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ สมกับเป็นแดนที่ได้ชื่อว่าสุวรรณภูมิ ยกตัวอย่างเช่นผลไม้ ไม่ว่าฤดูกาลไหนเราก็ไม่เคยไม่มีผลไม้ให้รับประทานกัน ไม่เหมือนบางประเทศที่ต้องรอฤดูกาลถึงจะมีผลไม้ให้รับประทาน ซึ่งนอกจากจะต้องรอฤดูกาลแล้ว ยังมีอยู่ไม่กี่ชนิด เหมือนมองกลับมายังบ้านเรา ตลอดฤดูกาลไม่ว่าจะฝน หนาว หรือฤดูร้อน คนไทยก็ไม่เคยอด แถมผลไม้ยังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล บางชนิดก็มีให้รับประทานได้ตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักผลไม้กันเลยทีเดียว
เมื่อกล่าวถึงผลไม้ ทุเรียน นับเป็นราชาแห่งผลไม้ ในขณะที่มังคุดเป็นราชินีแห่งผลไม้ ผลไม้สองชนิดนี้ เป็นที่รู้จักของต่างประเทศเป็นอย่างดี จึงทำให้สามารถส่งออกไปจำหน่ายในหลายๆ ประเทศ โดยลูกค้าหลักของทุเรียน คือ ชาวจีน ที่ชื่นชอบทุเรียนมากขึ้นส่งผลให้ช่วง 2-3 ปีหลัง ความต้องการทุเรียนในตลาดจีนเพิ่มมากขึ้นจนน่าตกใจ
ธรรมชาติของทุเรียน มังคุด และเงาะ ตัวละครเอกแห่งผลไม้ ผลผลิตจะเริ่มออกไล่จากภาคคะวันออกของไทย ประมาณปลายเดือนเมษายน – มิถุนายน จากนั้นก็จะเริ่มย้ายลงไปสู่ภาคใต้ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน- สิงหาคม-กันยายน อยู่ประมาณนี้ เป็นวัฏจักร ขึ้นกับสภาพดินฟ้าอากาศในแต่ละปี เป็นอันทราบกันในหมู่ของผู้ค้าและผู้บริโภคผลไม้ ในขณะที่จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ซื้อทุเรียนรายใหญ่ของไทย หรืออาจจะเรียกว่าเป็นตลาดแบบผูกขาดก็ว่าได้ ได้ปรับตัวกำหนดมาตรฐานของทุเรียนนำเข้าหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทุเรียนต้องมาจากสวนที่ได้รับ GAP ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมวิชาการเกษตร โรงคัดบรรจุก็ต้องได้มาตรฐาน GMP และขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรด้วยเช่นกัน เมื่อจะส่งออกต้องผ่านการตรวจสอบศัตรูพืชและได้รับการรับรองสุขอนามัยพืชจากกรมวิชาการเกษตรว่าปลอดจากแมลง ศัตรูพืชติดไป
ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาคือ แปลง GAP และโรงคัดบรรจุ GAMจะพัฒนาตนเองให้สามารถรองรับการส่งออกไปจีนได้หรือไม่เมื่อถึงฤดูการส่งออกหากเดินทางไปแถบจังหวัดจันทบุรี จะพบโรงคัดบรรจุเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ บางเส้นทางตั้งอยู่ห่างกันไม่ถึง 100 เมตร ปัญหาที่เกิดขึ้นคือมาตรฐานของโรงคัดบรรจจุและปัญหาด้านแรงงาน ไม่นับรวมถึงการแย่งกันซื้อทุเรียนจากแปลง GAP ส่งผลให้เกิดการสวมสิทธิ์กันเกิดขึ้นและเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลของผลไม้ภาคตะวันออกก็ถึงเวลาแห่งการเคลื่อนย้ายโรงคัดบรรจุเหล่านี้ไปยังพื้นที่ภาคใต้ ปิดโรงในภาคตะวันออกไว้ ถ้าใครได้ไปเห็นในช่วงที่ปิดฤดูผลไม้ภาคตะวันออก อาจจะเข้าใจไปว่าเป็นโรงคัดบรรจุที่ร้าง เจ้าของอาจรอประกาศขายอยู่ แต่ความเป็นจริงแล้ว เจ้าของโรงคัดบรรจุกำลังวุ่นวายกับการรับซึ้อผลผลิตชุดใหม่ในพื้นที่ภาคใต้
อันที่จริงแล้ว ปัญหาลักษณะเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นหากทุกฝ่ายรู้จักควบคุมและวางแผนให้ดี เพราะถ้ามองกันในภาพรวมทั้งระบบและทุกคนในระบบช่วยกันแก้ไข มีส่วนร่วมกันอย่างเต็มที่ ทั้งตัวเกษตรกร ผู้รวบรวม พ่อค้าคนกลาง เจ้าของโรงคัดบรรจุ เจ้าของทุนเจ้าหน้าที่ และภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเกษตร พาณิชย์ ฝ่ายปกครอง หรือฝ่ายความมั่นคง เพราะในขณะที่อีกฝ่ายพยายามแก้ไขอย่างสุดกำลัง แต่ผู้เกี่ยวข้องในแต่ละขั้นตอน เพิกเฉยเสียซ้ำร้ายยังมองแต่ประโยชน์เฉพาะหน้า คำนึงประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการส่งออกยิ่งฤดูผลไม้ภาคตะวันออกที่ผ่านมา ผลไม้มีราคาดี โรงคัดบรรจุจึงเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ต่างแข่งกันรวบรวมผลผลิตเพื่อส่งออกและทำกำไรมากๆโดยไม่ได้คำนึงถึงเงื่อนไขใดๆนอกจากธุรกิจตัวเอง เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจากการกระทำของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงรายเดียว กลับกลายเป็นปัญหาของประเทศที่ไม่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ยังไม่นับรวมถึงปัญหาแรงงานอีกปัญหาหนึ่งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเรื่อยๆ ไม่มีการวางระบบและคนในระบบไม่ได้ร่วมมืออย่างจริงจัง จึงยากที่จะแก้ไขปัญหาผลไม้อย่างยั่งยืน ขณะที่ผลไม้จากแดนใต้กำลังออกสู่ตลาด แล้วยังจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเช่นเคยอีกหรือ ถึงเวลต้องทบทวนกันให้ดีๆ
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี