“อธิบดีกรมปศุสัตว์ เร่งสกัดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ข้ามแดนเข้าไทย โอกาสเสี่ยงเกิดโรคช่วงหน้าฝน สั่งทุกพื้นที่ รู้โรคเร็ว แจ้งเรื่องเร็ว ควบคุมโรคได้เร็ว ชี้ข่าวดี ยังป้องกันโรคไม่เกิดในประเทศไทยได้ ขยายโอกาสทางธุรกิจตลาดส่งออกเพิ่ม”
5 กรกฎาค 2562 นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ได้ประชุมทางไกลออนไลน์ (Web Conference) เรื่องการชี้แจงแนวทางการควบคุม กำจัด ป้องกันและแก้ไขปัญหา โรคระบาดในพืชและสัตว์ โดยมีนายสุรจิตต์ อินทรชิต รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในการประชุมฯ จากโอกาสเสี่ยงช่วงฤดูฝนเกิดโรคได้ง่ายทำให้สถานการณ์การระบาดทั้งโรคพืชและโรคสัตว์ในหลายพื้นที่ต่างๆ หนึ่งในโรคสำคัญที่กรมปศุสัตว์เฝ้าระวัง ก็คือโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร โดยกรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการจัดชุดปฏิบัติการประจำพื้นที่เสี่ยงตลอดแนวชายแดนให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งและฉับไว เพื่อเป็นการควบคุมอย่างเข้มงวด กำจัด ป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) จากประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้ข้ามพรหมแดนเข้าไทย
“เน้นย้ำมาตรการควบคุม ยังยั้ง สกัดกั้นโรคเชิงรุกว่า "รู้โรคเร็ว แจ้งเร็ว ควบคุมโรคได้เร็ว" โดยปัจจุบันสถานการณ์ยังไม่เกิดโรคในไทย แม้ในขณะนี้หลายประเทศเพื่อนบ้านเกิดโรคระบาดแนวโน้มจะขยายเป็นวงกว้าง ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท กรมจะจัดชุดเคลื่อนที่เร็วและเวรในการปฎิบัติงานสอบสวนทางระบาดวิทยาเบื้องต้นและเก็บตัวอย่างส่งตรวจ ในกรณีได้รับแจ้งสัตว์ป่วยตายจากการตามนิยามหรือพบวิการจากการเฝ้าระวังที่โรงฆ่าสัตว์และอบรมให้ความรู้เกษตรกรรายย่อย ซ้อมแผน และประชาสัมพันธ์ผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผ่านเสียงตามสาย ประจำหมู่บ้าน ให้ประชาชนทุกพื้นที่รับทราบโดยทั่วถึง” นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าว
นอกจากนี้ยังร่วมมือกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมและป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) แก่ด่านกักกันสัตว์ในพื่นที่เสี่ยงที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการสร้างศูนย์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อยานพาหนะสำหรับขนส่งปศุสัตว์ที่ด่านกักสัตว์ชายแดน ใน 5 จังหวัดเป้าหมาย เพื่อสร้างปราการป้องกันโรค ASF ไม่ให้เข้ามาทำลายภาคอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของประเทศไทยได้อย่างเด็ดขาด
นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าวว่า หากไม่มีแผนการรับมือที่ดี จะส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกเนื้อสุกรชำแหละ เนื้อสุกรแปรรูป เนื้อสุกรมีชีวิต คิดเป็นมูลค่า ปีละ 5,050 ล้านบาท ด้านธุรกิจเวชภัณฑ์ ปีละ 2,100 ล้านบาท ด้านธุรกิจอาหารสัตว์ปีละ 4 หมื่นล้านบาท และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูอาชีพและความเป็นอยู่ของเกษตรกรเป็นจำนวนมากและใช้ระยะเวลาการฟื้นฟูนาน แต่หากมีแผนป้องกันที่ดี เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 4.4 หมื่นล้านบาท กล่าวคือประเทศเพื่อนบ้านต้องการสุกรมากขึ้น ส่งออกเพิ่ม และราคาในประเทศเพิ่มขึ้น
“โรค ASF แม้ไม่ได้เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน แต่เป็นโรคระบาดร้ายแรงในสุกร ยังไม่มีวัคซีนป้องกันและควบคุมโรค เชื้อโรคทนทานในผลิตภัณฑ์จากสุกรและสิ่งแวดล้อมสูง สุกรที่หายป่วยแล้วจะเป็นพาหะของโรคได้ตลอดชีวิต สุกรที่ติดเชื้อมีการตายเฉียบพลันเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ไทยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร 210,978 ราย เป็นเกษตรกรรายย่อย 208,192 ราย เลี้ยงสุกรขุน 80,000 ตัว สุกรพันธุ์ 63,000 ตัว ลูกสุกร 733,000 ตัว เป็นเกษตรกรรายใหญ่ 2,758 ราย เลี้ยงสุกรขุน 8,800,000 ตัว สุกรพันธุ์ 1,137,000 ตัว และลูกสุกร 4,670,000 ตัว ดังนั้นหากเกิดการระบาดของโรคแล้วทำลายสุกร กรณีเกิดโรคร้อยละ 30 ของสุกรที่เลี้ยง เสียหายรวม 21,168 ล้านบาท กรณีเกิดโรคร้อยละ 50 ของสุกรที่เลี้ยง เสียหายรวม 35,280 ล้านบาท
หากเกิดโรคร้อยละ 80 ของสุกรที่เลี้ยงเสียหายรวม 56,448 ล้านบาท และถ้าเกิดการระบาดทั้งหมดจะเสียหายรวม 70,560 ล้านบาท หากประเทศไทยมีระบบการป้องกันโรคที่ดี รวมทั้งระบบการทำลายสุกรที่เป็นโรคและซากสัตว์ที่เป็นพาหะของโรคระบาดเป็นไปตามมาตรฐานสากล สามารถป้องกันไม่ให้เกิดโรคในประเทศได้จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นด้านภาคการผลิตด้านปศุสัตว์ของไทยให้ได้ผลผลิตด้านปศุสัตว์ที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อผู้บริโภครวมทั้งสร้างรายได้และโอกาสทางธุรกิจให้แก่เกษตรกรและเป็นการป้องกันและควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ” นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี