ผบก.ปคบ.ออกโรงเคลียร์ปมสคบ.อ้างรู้ตัวจนท.ตร.แอบอ้างเรียกรับส่วยยาลดความอ้วน ชี้เป็นเรื่องเก่าตั้งแต่ปี 59 แต่ถ้าพบมีใครเกี่ยวข้องจริงจะฟันไม่เลี้ยง
จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ชี้แจงว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง สคบ. เรียกรับเงินเดือนละ 20,000 บาท เพื่อการประกอบธุรกิจขายยาลดความอ้วน โดยอ้างข้อมูลจากผู้ต้องหาให้การซัดทอดภายหลังจากมีการบุกทลายแหล่งผลิตยาลดความอ้วนและอาหารเสริมต่างๆในจ.กาฬสินธุ์ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :หม้อข้าวแตก! 'สคบ.'แฉยับที่แท้'ตร.ปคบ.'เอี่ยวปมแอบอ้างรับส่วยยาลดอ้วน)
เมื่อวันที่ 7 กรกฏาคม 2562 พล.ต.ต.ศิรัชเขตร์ ครูวัฒนเศรษฐ์ ผบก.ปคบ. กล่าวว่า หลังทราบข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่บก.ปคบ. เข้าไปมีส่วนสนับสนุนการกระทำผิดของผู้ต้องหาที่จ.กาฬสินธุ์ ก็ได้มีการประสานงานข้อมูลไปยัง พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา รอง ผบก.กาฬสินธุ์ ในฐานะเจ้าพนักงานท้องที่มีการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ ทำให้ทราบข้อเท็จจริงที่นางวสภัสสร สุลำนาจ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
โดยในครั้งนั้น ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.ได้จับกุมผู้ต้องหาคนนี้พร้อมลูกสาว ซึ่งเป็นเภสัชกรในข้อกล่าวหา ร่วมกันขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทที่ 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายวัตถุออกฤทธิ์ปลอม , ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ร่วมกันขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มี 2 คดีเมื่อปี 59 และปี 60 สำนวนคดีปี 59 ทราบว่าพนักงานสอบสวนฟ้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหาปัจจุบันอยู่ในชั้นศาล ส่วนปี 60อยู่ระหว่างการสรุปสำนวนสอบสวน
ผบก.ปคบ. กล่าวว่า ในระหว่างนั้นผู้ต้องหากับลูกสาว ก็ได้ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกับที่พูดถึงในการถูกจับครั้งนี้ เป็น 2 ทาง 1.แจ้งความดำเนินคดีอาญาซึ่งเป็นไปตามขบวนการเรื่องอยู่ที่ ปปท. 2.ร้องเรียนมาทางผู้บังคับบัญชาในสมัยนั้น ซึ่งได้มีการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ผลการสืบสวนปรากฎว่ามีมูล จึงมีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ส่วนตัวนายตำรวจที่ถูกร้องเรียนนั้น ทาง บชก.ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง โดยมีคำสั่งให้ไปประจำที่ บช.ก.หากผลการสอบสวนมีความผิดโทษถึงไล่ออก ส่วนการดำเนินคดีอาญาก็ยังเดินต่อไปที่ ปปท.
"แต่ถ้าหากในการที่ผู้ต้องหาถูกจับกุมในครั้งนี้มีการสืบสวนว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ.เข้าไปเกี่ยวข้องไม่ว่าทางใด จะไม่มีการช่วยเหลือ และยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่"ผบก.ปคบ.กล่าวย้ำ
พร้อมระบุว่า อยากให้สื่อมวลชนตรวจสอบให้ชัดเจนว่าสิ่งที่ผู้ต้องหาพูดเป็นเรื่องอดีต ซึ่งมีการดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องตามกระบวนการแล้ว หรือเป็นเรื่องปัจจุบัน ซึ่งตนในฐานะหัวหน้าหน่วยงานต้องเอาผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ถึงแม้จะเป็นเรื่องก่อนที่จะมารับตำแหน่ง แต่เมื่อมารับแล้วก็ต้องมีหน้าที่ดำเนินการกับคนไม่ดี และเป็นอุทาหรณ์ให้กับข้าราชการที่ไม่ดีถึงผลที่ทำ
อย่างไรก็ตามยืนยันว่าทางบก.ปคบ. ไม่มีนโยบายเรียกรับผลประโยชน์ หากพบว่ามีข้าราชการตำรวจในสังกัดกระทำความผิดหรือมีการเรียกรับผลประโยชน์ก็พร้อมที่จะดำเนินคดีทั้งวินัยและอาญา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี